สงครามครั้งยิ่งใหญ่

10/45

บท 7 - ลูเธอร์ตีตัวออกห่างจากโรม

มาร์ติน ลูเธอร์ [Martin Luther] ยืนอยู่ในแนวหน้าสุดของบรรดาผู้ที่ได้รับการทรงเรียกให้นำคริสตจักรออกจากความมืดของหลักคำสอนและพิธีกรรมของระบอบเปปาซีเพื่อเข้าสู่ความกระจ่างของความเชื่อที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เขาเป็นคนกระตือรือร้น มุ่งมั่น ภักดี ไม่กลัวผู้ใดนอกจากความยำเกรงพระเจ้าและไม่ยอมรับรากฐานความเชื่อทางศาสนาใดนอกจากพระคัมภีร์ ลูเธอร์เป็นบุคคลแห่งยุคในสมัยของเขา พระเจ้าทรงบรรลุพระราชกิจยิ่งใหญ่เพื่อการปฏิรูปคริสตจักร และเพื่อความกระจ่างแก่ชาวโลกโดยผ่านทางเขา{GC 120.1} GCth17 101.1

ดั่งผู้ประกาศข่าวประเสริฐรุ่นแรก ลูเธอร์เติบโตขึ้นจากกลุ่มชนที่ยากจน เขาใช้ชีวิตช่วงต้นในบ้านที่สมถะของชาวนาชาวเยอรมันคนหนึ่ง คุณพ่อของเขาทำงานตรากตรำทุกวันในฐานะคนงานเหมืองเพื่อให้ได้เงินสำหรับการศึกษาของเขา เขาตั้งใจให้ลูกเป็นทนาย แต่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เขาเป็นผู้ก่อสร้างในวิหารยิ่งใหญ่ซึ่งเติบใหญ่อย่างเชื่องช้าในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ความยากลำบาก ความอดอยากและการอยู่ในวินัยอย่างเคร่งครัดเป็นโรงเรียนซึ่งพระปัญญาของพระเจ้าเตรียมลูเธอร์สำหรับงานการรับใช้ที่สำคัญยิ่งในชีวิตของเขา {GC 120.2} คุณพ่อของลูเธอร์เป็นคนที่มีความคิดมั่นคงและว่องไว และมีอุปนิสัยที่เข้มแข็งอย่างแรงกล้า ซื่อสัตย์ มุ่งมั่นและซื่อตรง เขาจริงใจต่อความสำนึกในหน้าที่ และปล่อยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ควรจะเป็น ความสามารถในการใช้ดุลพินิจอย่างดีและบริสุทธิ์ของเขาทำให้เขามองระบบของนักบวชด้วยความคลางแคลงใจ เขาไม่พอใจอย่างมากเมื่อลูเธอร์ก้าวเข้าสู่ชีวิตนักบวชโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา และเวลาผ่านไปสองปีก่อนที่พ่อลูกจะคืนดีกัน กระนั้นทัศนคติของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม {GC 120.3} GCth17 101.2

พ่อและแม่ของลูเธอร์ให้ความสนใจต่อการศึกษาและการฝึกอบรมของลูกๆ อย่างมาก พวกเขาบากบั่นสอนลูกเรื่องความรู้ของพระเจ้าและปฏิบัติตามจริยธรรมอันดีของคริสเตียน บ่อยครั้งลูกชายคนนี้จะได้ยินคำอธิษฐานของคุณพ่อดังขึ้นเพื่อเขาจะจดจำพระนามของพระเจ้า และสักวันหนึ่งจะช่วยเผยความจริงของพระองค์ให้กว้างไกลขึ้น ด้วยชีวิตตรากตรำของพวกเขาที่พอจะเอื้อได้อย่างมีความสุข พ่อแม่ทั้งสองนี้จะใช้ทุกโอกาสพัฒนาด้วยความกระตือรือร้นเพื่อปลูกฝังศีลธรรมหรือปัญญา ความพยายามของพวกเขานั้นจริงใจและอุตสาหะเพื่อเตรียมลูกๆ สำหรับชีวิตเคร่งครัดในศาสนาและเป็นคนที่มีประโยชน์ ด้วยอุปนิสัยที่มั่นคงแน่วแน่และแข็งแกร่ง บางครั้งพวกเขากวดขันมากเกินไป แต่นักปฏิรูปเองแม้จะรู้ตัวว่าในบางส่วนพวกเขาพลาดไปก็จริงอยู่ แต่ก็ยังรู้ว่าการฝึกอบรมของพวกเขาเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากกว่าการตำหนิ {GC 121.1} GCth17 101.3

ขณะอยู่ที่โรงเรียนซึ่งเขาเข้าเรียนเมื่ออายุยังน้อยนั้น ลูเธอร์ได้รับการปฏิบัติอย่างแข็งกร้าวจนถึงขั้นรุนแรง พ่อแม่ของเขายากจนมากจนในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนต่างเมือง เขาจำเป็นต้องขออาหารด้วยการร้องเพลงตามบ้าน และบ่อยครั้งที่เขาต้องทนกับความหิว แนวคิดทางศาสนาอันน่าเศร้าสลดและงมงายที่นิยมกันในเวลานั้นทำให้เขากลัว เขานอนลงในเวลากลางคืนด้วยหัวใจที่เศร้าสลด มองไปด้วยความหวาดหวั่นถึงอนาคตที่มืดมนและหวาดกลัวอยู่เสมอเมื่อคิดว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เข้มงวด เป็นผู้ตัดสินความที่ไม่ยอมผ่อนปรน เป็นผู้ปกครองที่เกรี้ยวกราดโหดเหี้ยม แทนที่จะเป็นพระบิดาผู้ทรงพระเมตตาแห่งสรวงสวรรค์ {GC 121.2} GCth17 101.4

แต่กระนั้น ภายใต้ความผิดหวังมากมายและใหญ่หลวง ลูเธอร์มุ่งหน้าบากบั่นรุกคืบหน้าไปสู่มาตรฐานที่สูงทั้งฝ่ายศีลธรรมและความเป็นเลิศทางปัญญาซึ่งดึงดูดจิตวิญญาณของเขา เขากระหายความรู้ และลักษณะความคิดที่จริงใจและปฏิบัติได้ของเขานั้นนำเขาให้ปรารถนาสิ่งที่มั่นคงและมีประโยชน์มากกว่าสิ่งที่มีไว้เพื่อโอ้อวดและผิวเผิน {GC 121.3} GCth17 102.1

เมื่ออายุได้สิบแปดปี ลูเธอร์เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเออร์เฟิร์ทสภาพของเขาดีขึ้นและอนาคตสดใสกว่าชีวิตในช่วงแรกเริ่ม ด้วยความมัธยัสถ์และความขยันขันแข็งพ่อแม่ของเขาหาเงินได้พอที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและให้การเลี้ยงดูตามที่เขาต้องการ และอิทธิพลของมิตรรอบข้างที่รู้ใจช่วยลดความมืดมนของชีวิตที่เคยถูกอบรมมาก่อน เขาสมัครเข้าเรียนกับอาจารย์ชื่อดังที่สุด เขาขยันขันแข็งเก็บสะสมแนวคิดอันล้ำค่าที่สุดของพวกเขาและเอาความรู้ของผู้มีปัญญามาเป็นของตน แม้เขาเคยอยู่ภายใต้ระเบียบวินัยที่เข้มงวดของครูผู้สอนในอดีต เขาฉายแววความโดดเด่นตั้งแต่แรก และด้วยอิทธิพลที่เอื้ออำนวย สมองของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ความจำที่แม่นยำ ความคิดที่กระฉับกระเฉง พลังการใช้เหตุผลอันแรงกล้าและการนำมาประยุกต์ใช้อย่างไม่ย่อท้อ ในไม่ช้าส่งเขาขึ้นไปอยู่ระดับหัวแถวท่ามกลางผู้ร่วมงาน การฝึกวินัยทางปัญญาทำให้เขาเข้าใจอย่างเต็มที่และปลุกการทำงานของสมองให้ตื่นและทำให้ความเข้าใจเฉียบแหลม สิ่งเหล่านี้กำลังจัดเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับความขัดแย้งในชีวิต {GC 121.4} GCth17 102.2

ความยำเกรงพระเจ้าฝังลึกอยู่ในหัวใจของลูเธอร์ ทำให้เขายังคงรักษาความมั่นคงของเป้าหมายและนำเขาไปสู่ความถ่อมใจอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า ในส่วนลึกของหัวใจ เขารู้ว่าต้องพึ่งการทรงช่วยของพระเจ้า เขาจึงไม่เคยพลาดที่จะเริ่มต้นแต่ละวันด้วยคำอธิษฐาน ในขณะที่จิตใจของเขาอ้อนวอนทูลขอการทรงนำและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เขาพูดอยู่เสมอว่า “การอธิษฐานที่ดี เป็นอีกด้านที่ดีของการศึกษา” D’Aubigné เล่มที่ 2 บทที่ 2 {GC 122.1} GCth17 102.3

วันหนึ่ง ในขณะที่เขาค้นคว้าศึกษาหนังสือในห้องสมุดอยู่นั้น เขาพบพระคัมภีร์ภาษาละตินเล่มหนึ่ง หนังสือเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีหนังสือเช่นนี้ เขาเคยได้ยินว่ามีหนังสือพระกิตติคุณและจดหมายของอัครทูตบางตอน ซึ่งนำมาอ่านในที่ประชุมให้ประชาชนฟังและเขาคิดว่านั่นเป็นพระคัมภีร์ทั้งเล่ม บัดนี้เขาเห็นพระวจนะของพระเจ้าทั้งเล่มเป็นครั้งแรก เขาพลิกหน้ากระดาษศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเกรงขามระคนกับความพิศวง ด้วยชีพจรที่เต้นแรงและหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะอย่างแรง เขาอ่านพระวจนะแห่งชีวิตให้ตัวเองฟัง หยุดชะงักครั้งแล้วครั้งเล่าและอุทานว่า “โอ หากพระเจ้าจะประทานหนังสือเช่นนี้ให้เป็นของข้าสักเล่มหนึ่ง” Ibid. เล่มที่ 2 บทที่ 2 ทูตสวรรค์อยู่เคียงข้างเขาและลำแสงจากพระบัลลังก์ของพระเจ้าเปิดเผยขุมทรัพย์แห่งความจริงให้เขาเข้าใจ เขาหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลาที่จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย แต่บัดนี้เขาสำนึกถึงสภาวะของเขาที่เป็นคนบาปอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน {GC 122.2} GCth17 103.1

ในที่สุด ความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะหลุดพ้นจากบาปและพบกับสันติสุขในพระเจ้านำเขาให้ก้าวเข้าไปประจำอยู่ในวัดและอุทิศตนเองสู่ชีวิตของนักบวช ในสถานที่แห่งนี้เขาถูกกำหนดให้ทำงานหนักจำเจที่ต่ำต้อยที่สุดและให้ขอทานตามบ้าน เขาอยู่ในวัยที่ต้องการความเคารพและคำชมเชยมากที่สุด แต่หน้าที่การงานอันต่ำเช่นนี้ทำลายความรู้สึกตามธรรมชาติของเขา แต่เขาก็ทนทำงานที่อับอายขายหน้านี้อย่างอดทนโดยเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพราะบาปของตน{GC 123.1} GCth17 103.2

ทุกเสี้ยวนาทีที่เขาปลีกตัวจากหน้าที่ประจำวันของเขาได้ เขาจะใช้ในการศึกษา อดหลับอดนอนและแม้แต่เจียดเวลาที่ใช้ในการรับประทานอาหารอันน้อยนิดของเขา เขาชื่นชอบกับการศึกษาพระวจนะของพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด เขาพบพระคัมภีร์เล่มหนึ่งที่ล่ามโซ่ติดกับผนังของคอนแวนต์ และบ่อยครั้งจะไปที่แห่งนี้ ขณะที่ความสำนึกผิดในบาปของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาลงแรงด้วยการกระทำของเขาเองเพื่อจะรับการอภัยและมีสันติสุข เขาดำเนินชีวิตอย่างเคร่งครัดด้วยการอดอาหาร การเฝ้าระวังระไว และทุบตีตัวเองเพื่อยับยั้งความชั่วตามธรรมชาติของวัยของเขา ซึ่งชีวิตนักบวชของเขาไม่อาจปลดปล่อยเขาให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้ เขาไม่หลบหลีกจากหน้าที่การเสียสละใดที่จะช่วยเขาไปให้ถึงความบริสุทธิ์แห่งหัวใจเพื่อทำให้เขาเข้าเฝ้าเป็นที่ชอบเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า เขาพูดในเวลาต่อมาว่า “ข้าพเจ้าเป็นนักบวชที่เคร่งครัดอย่างจริงแท้และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างกวดขันเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเอ่ยเป็นวาจาได้ หากมีนักบวชคนใดจะเข้าสวรรค์ได้ด้วยการงานของนักบวชเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะต้องเป็นคนที่คู่ควรอย่างแน่นอน........หากข้าพเจ้ายังคงกระทำการนี้ยืดยาวต่อไปอีก ข้าพเจ้าน่าจะแบกความบัดสีของข้าพเจ้าไปถึงความตายเป็นแน่” GCth17 103.3

Ibid. เล่มที่ 2 บทที่ 3 จากผลของความเข้มงวดทางวินัยอันเจ็บปวดเช่นนี้ เขาสูญเสียพละกำลังและเป็นลมอยู่เสมอ ส่งผลให้เขากลับฟื้นสู่สภาพปกติอีกต่อไปไม่ได้ แต่ด้วยความพากเพียรทั้งหมดนี้จิตวิญญาณของเขากลับไม่พบกับสันติสุข ในที่สุดเขาถูกบีบคั้นจนเกือบตกสู่ความสิ้นหวัง {GC 123.2} GCth17 104.1

เมื่อลูเธอร์ดูเหมือนว่าสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว พระเจ้าประทานมิตรและผู้ช่วยคนหนึ่งมาให้เขา สเตาพิทซ์ผู้เคร่งครัดในศาสนามาเปิดพระวจนะของพระเจ้าให้ลูเธอร์เข้าใจและขอให้เขามองข้ามตนเอง ยุติการไตร่ตรองถึงการลงโทษของพระเจ้าอันเนื่องมาจากการล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระองค์และมองไปยังพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงอภัยบาป “แทนที่จะทรมานตัวเองอันเนื่องจากบาป ให้ท่านวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของพระผู้ไถ่ จงวางใจในพระองค์ ในชีวิตแห่งความชอบธรรมของพระองค์ ในความตายที่ลบล้างบาป.....จงฟังพระบุตรของพระเจ้า พระองค์เสด็จมารับสภาพมนุษย์เพื่อประทานความมั่นใจแก่ท่านว่าจะได้รับความพึงพอพระทัยของพระเจ้า” “จงรับพระองค์ผู้ทรงรักท่านก่อน” Ibid. เล่มที่ 2 บทที่ 4 ผู้สื่อข่าวแห่งพระกรุณาพูดไว้เช่นนี้ คำพูดของเขาสร้างความประทับใจต่อความคิดของลูเธอร์ ภายหลังจากการดิ้นรนมากมายกับความผิดที่เขายึดไว้มาเนิ่นนาน คำพูดทำให้เขาเข้าใจความจริงและแล้วสันติสุขจึงเกิดขึ้นในจิตวิญญาณที่ทุกข์โศกของเขา {GC 123.3} GCth17 104.2

ลูเธอร์ได้รับการเจิมตั้งให้เป็นบาทหลวงและย้ายจากการจำวัดไปดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งวิตเทนเบิร์ก เขาพากเพียรกับการศึกษาพระคัมภีร์ภาษาดั้งเดิม เริ่มเอาเรื่องพระคัมภีร์มาบรรยายและนำพระธรรมสดุดี พระกิตติคุณและจดหมายของอัครทูตมาเปิดเผยให้กลุ่มชนที่ชื่นชอบฟังคำเทศน์ของเขาเข้าใจ สเตาพิทซ์ผู้เป็นทั้งเพื่อนและผู้บังคับบัญชาของเขาขอร้องให้เขาก้าวขึ้นธรรมาสน์และเทศนาพระวจนะของพระเจ้า ลูเธอร์ลังเลใจ รู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรที่จะพูดกับประชาชนในฐานะเป็นตัวแทนของพระคริสต์ หลังจากที่เขาดิ้นรนเป็นระยะเวลานานเขาจึงยอมทำตามคำขอของเพื่อน เขาเป็นผู้ที่ชำนาญเรื่องของพระคัมภีร์อยู่แล้วและพระคุณของพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา ความคล่องแคล่วในการพูดของเขาดึงดูดความสนใจของผู้ฟัง การนำเสนอความจริงของเขานั้นชัดเจนและมีพลัง สามารถโน้มน้าวความเข้าใจ และความศรัทธาแรงกล้าของเขาสัมผัสจิตใจของเหล่าผู้ฟัง {GC 124.1} GCth17 104.3

ลูเธอร์ยังคงเป็นบุตรที่ซื่อสัตย์ของคริสตจักรเปปาซีและไม่เคยคิดที่จะทำสิ่งอื่นใดเลย ภายใต้การจัดเตรียมของพระเจ้า เขาได้ไปเยือนกรุงโรม เขาออกเดินทางด้วยเท้า พักแรมตามวัดริมทาง ณ คอนแวนต์แห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี เขาตะลึงกับความร่ำรวยโอ่อ่าตระการตาและความหรูหรา ด้วยรายได้มากมายจากเงินบริจาค นักบวชพักอาศัยอยู่ในห้องพักที่โอ่โถง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หรูหราและราคาแพงที่สุด และกินเลี้ยงที่โต๊ะอาหารอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ด้วยความสงสัยที่เจ็บปวด ลูเธอร์เปรียบเทียบความแตกต่างของภาพเช่นนี้กับชีวิตของเขาที่ละทิ้งตนและความยากลำบาก ความคิดของเขาเริ่มสับสน {GC 124.2} GCth17 104.4

ในที่สุด เขามองเห็นเมืองที่มีภูเขาเจ็ดยอดแต่ไกล เขาก้มลงกับพื้นกราบด้วยความซึ้งใจพร้อมกับร้องว่า “กรุงโรมที่บริสุทธิ์ ข้าขอน้อมคำนับท่าน” Ibid. เล่มที่ 2 บทที่ 6 เขาเดินทางเข้าไปในเมือง ไปเยี่ยมตามโบสถ์ต่างๆ ฟังนิยายอันแสนประหลาดที่พวกบาทหลวงและนักบวชเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก และประกอบพิธีกรรมทั้งหมดตามที่กำหนด ทุกแห่งหน สิ่งที่เขามองเห็นทำให้เขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวาดกลัว เขาตระหนักว่าความชั่วร้ายมีดาษดื่นอยู่ในนักบวชทุกชนชั้น เขาได้ยินการพูดตลกลามกจากพวกพระราชาคณะและวิตกกับวาจาหยาบคายอันน่ารังเกียจของพวกเขาแม้ในขณะประกอบพิธีมิสซา ในขณะที่เขาคลุกคลีอยู่กับนักบวชและประชาชน เขาก็พบกับความสำมะเลเทเมาและความเสเพล ไม่ว่าเขาจะหันหน้าไปทิศใด แม้ในสถานที่บริสุทธิ์เขาก็พบแต่คำพูดหยาบคาย เขาเขียนบันทึกไว้ว่า “ไม่มีใครจะนึกภาพออกได้เลยว่า บาปหรือการกระทำที่น่าอับอายจะพบได้ในโรม จะต้องไปดูและฟังเองก่อนจึงจะเชื่อ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนพูดติดปากว่า ‘หากมีนรก กรุงโรมก็สร้างอยู่บนนั้น เป็นอเวจีที่ให้กำเนิดบาปทุกชนิด’” Ibid. เล่มที่ 2 บทที่ 6 {GC 124.3} GCth17 105.1

ด้วยคำสั่งของพระสันตะปาปาที่ตราออกมาไม่นานนักเรื่องการอภัยบาปที่สัญญาปลดปล่อยทุกคนที่คุกเข่าขึ้น “บันไดปีลาต” เป็นบันไดที่อ้างว่าพระเยซูเสด็จก้าวลงขณะออกจากห้องพิพากษาของชาวโรมันและทรงเคลื่อนย้ายจากกรุงเยรูซาเล็มมายังกรุงโรม วันหนึ่งขณะที่ลูเธอร์กำลังคุกเข่าขึ้นบันไดด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอยู่ ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงดังดั่งฟ้าร้องบอกกับเขาว่า “คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ” โรม 1:17 เขากระโดดขึ้นยืนและวิ่งไปจากที่นั่นด้วยความอับอายและความหวาดกลัว ข้อพระคัมภีร์นี้ไม่เคยสูญเสียอำนาจการดลใจไปจากจิตวิญญาณของเขาเลย ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา เขามองเห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าก่อนถึงความล้มเหลวในการพึ่งการกระทำของมนุษย์เพื่อได้ความรอดและความจำเป็นที่จะต้องมีความเชื่อที่มั่นคงเสมอในพระคุณความดีของพระคริสต์ ตาของเขาเปิดออกแล้วและจะไม่มีวันเปิดให้กับการหลอกลวงของระบอบเปปาซีอีก เมื่อเขาหันหน้าออกไปจากโรม เขาก็หันหัวใจของเขาออกไปด้วย ตั้งแต่เวลานั้นรอยร้าวขยายใหญ่ขึ้นจนเขาตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดออกจากคริสตจักรของระบอบเปปาซี {GC 125.1} GCth17 105.2

หลังจากที่ลูเธอร์กลับจากโรม เขารับปริญญาดุษฎีบัณฑิต [ดอกเตอร์ หรือ doctor ผู้ได้รับปริญญาเอก] ทางด้านศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิตเทนเบิร์ก บัดนี้เขามีเสรีภาพที่จะอุทิศตนให้กับพระคัมภีร์ที่เขารักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาสัญญาอย่างจริงจังว่าจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยความใส่ใจและเทศนาด้วยความสัตย์ซื่อตลอดชั่วชีวิต ไม่ใช่คำสอนหรือหลักข้อเชื่อของพระสันตะปาปา เขาไม่ได้เป็นนักบวชหรือศาสตราจารย์ธรรมดาคนหนึ่งแต่เป็นผู้ประกาศพระคัมภีร์ที่ผ่านการรับรองมาแล้วคนหนึ่ง เขาได้รับการทรงเรียกให้เป็นผู้เลี้ยงแกะเพื่ออภิบาลลูกแกะในฝูงของพระเจ้าที่หิวและกระหายความจริง เขาประกาศอย่างแน่วแน่ว่า คริสเตียนจะต้องไม่รับหลักคำสอนอื่นใดนอกจากที่วางอยู่บนหลักฐานของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ คำพูดเช่นนี้โจมตีที่ฐานรากโดยตรงของระบอบเปปาซี เป็นคำพูดที่ประกอบด้วยหลักการสำคัญของการปฏิรูปศาสนา {GC 125.2} GCth17 105.3

ลูเธอร์มองเห็นถึงอันตรายของการยกชูทฤษฎีของมนุษย์ขึ้นเหนือพระวจนะของพระเจ้า เขาโจมตีอย่างไม่เกรงกลัวถึงความซื่อสัตย์จอมปลอมที่หวังผลของผู้คงแก่เรียนและต่อต้านปรัชญาและศาสนศาสตร์ซึ่งครอบงำประชาชนมานาน เขาประณามว่าความรู้เช่นนี้ไม่เพียงไร้ค่าแต่ยังเป็นพิษที่อันตราย และเขาลงแรงที่จะนำความคิดของผู้ฟังของเขาให้หันจากเล่ห์เหลี่ยมของนักปรัชญาและนักศาสนศาสตร์ให้มาหาความจริงนิรันดร์ตามคำสอนของผู้เผยพระวจนะและอัครทูต {GC 126.1} GCth17 106.1

ข่าวสารที่เขาประกาศแก่ประชาชนที่สนใจฟังนั้นล้ำค่ายิ่งนัก หูของพวกเขาไม่เคยได้ยินคำสอนเช่นนี้มาก่อน ข่าวประเสริฐแห่งความรักของพระผู้ช่วยให้รอด ความมั่นใจของการอภัยและสันติสุขโดยผ่านพระโลหิตของการไถ่บาป ทำให้หัวใจของเขาทั้งหลายเปรมปรีดิ์และแตะต้องใจของพวกเขาให้มีความหวังอมตะขึ้นในใจ ที่เมืองวิตเทนเบิร์กลำแสงแห่งความกระจ่างดวงหนึ่งถูกจุดให้สว่างขึ้น และจะแผ่กว้างออกไปจนถึงที่สุดปลายของโลกและจะทวีความสว่างยิ่งขึ้นจนถึงเวลาปิดฉากลง {GC 126.2} GCth17 106.2

แต่ความสว่างและความมืดประสานเข้ากันเป็นหนึ่งไม่ได้ ระหว่างความจริงและความเท็จมีความขัดแย้งที่ไม่อาจปกปิดได้ การเชิดชูและปกป้องฝ่ายหนึ่งหมายถึงการโจมตีและเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง พระผู้ช่วยให้รอดเองทรงเปิดเผยว่า “เราไม่ได้นำสันติภาพมาให้ แต่เรานำดาบมา” มัทธิว 10:34 ไม่กี่ปีต่อมาหลังจากที่การปฏิรูปทางศาสนาเปิดฉากขึ้น ลูเธอร์พูดว่า “พระเจ้าไม่ได้ทรงนำข้าพเจ้า พระองค์ทรงผลักข้าพเจ้าให้เดินไปข้างหน้า พระองค์เป็นผู้ขับเคลื่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นนายของตัวเอง ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะอยู่อย่างสงบแต่ข้าพเจ้าถูกผลักให้เข้ามาอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยากและการปฏิวัติ” D’Aubigné เล่มที่ 5 บทที่ 2 บัดนี้เวลาที่กดดันให้เขาเข้าสู่การต่อสู้กำลังมาถึงแล้ว {GC 126.3} GCth17 106.3

คริสตจักรโรมันเอาพระคุณของพระเจ้ามาทำเป็นสินค้า โต๊ะของคนแลกเงิน (มัทธิว 21: 12) ถูกจัดตั้งขึ้นข้างแท่นบูชาของคริสตจักร และบรรยากาศของบริเวณคริสตจักรกระหึ่มไปด้วยเสียงร้องของผู้ซื้อและผู้ขาย เบื้องหลังเสียงเชิญชวนในการหาเงินทุนเพื่อก่อสร้างโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม มีการเสนอขายใบลบมลทินบาปอย่างเปิดเผยด้วยสิทธิอำนาจของพระสันตะปาปา อาคารโบสถ์หลังหนึ่งจะถูกสร้างขึ้นด้วยราคาอาชญากรรมเพื่อใช้นมัสการพระเจ้า ฐานรากของโบสถ์ตั้งอยู่บนค่าจ้างของความชั่ว แต่วิธีการซึ่งโรมนำมาใช้เพื่อขยายอำนาจของตนนั้นยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดการตอบโต้อย่างเลวร้ายที่สุดต่ออำนาจและความยิ่งใหญ่ของโรม วิธีการเช่นนี้กระตุ้นให้เกิดศัตรูต่อหลักคำสอนและพิธีกรรมของระบอบเปปาซีผู้มุ่งมั่นและทำงานอย่างเกิดผล และนำไปสู่สงครามที่สั่นคลอนบัลลังก์ของระบอบเปปาซีและกระแทกมงกุฎสามชั้นบนพระเศียรของพระสันตะปาปา {GC 127.1} GCth17 106.4

เททเซลเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้จัดการเรื่องการขายใบลบมลทินบาปในประเทศเยอรมนี เขาเคยถูกตัดสินในความผิดเลวร้ายที่สุดต่อสังคมและต่อพระบัญญัติของพระเจ้า แต่เขาก็หลุดพ้นจากการลงโทษทั้งยังได้รับการจ้างให้สานต่อโครงการระดมทุนที่ไร้ศีลธรรมของพระสันตะปาปา ด้วยความฮึกเหิม เขาเน้นย้ำคำล่อลวงอย่างเปิดเผยและเล่านิทานลวงโลกทั้งหลายเพื่อหลอกประชาชนที่ไม่รู้ ที่เชื่องมงายได้อย่างง่ายดาย หากพวกเขามีพระวจนะของพระเจ้าอยู่กับตัว พวกเขาก็จะไม่ถูกหลอกเช่นนี้ เพื่อควบคุมประชาชนเหล่านี้ให้อยู่ใต้การปกครองของระบอบเปปาซีและเพื่อขยายอำนาจและทรัพย์สมบัติของบรรดาผู้นำ พระคัมภีร์จึงเป็นของต้องห้ามสำหรับพวกเขา (โปรดดู John C. L. Gieseler, A Compendium of Ecclesiastical History ตอนที่ 4 เล่มที่ 1 ย่อหน้าที่ 5) {GC 127.2} GCth17 107.1

เมื่อเททเซลเดินทางเข้าไปยังเมืองหนึ่ง จะมีผู้ส่งข่าวคนหนึ่งเดินนำหน้าเขาและประกาศว่า “พระคุณของพระเจ้าและของคุณพ่อศักดิ์สิทธิ์มาเยือนท่านถึงประตูบ้านของท่านแล้ว” D’Aubigné เล่มที่ 3 บทที่ 1 และประชาชนจะออกมาต้อนรับผู้เสแสร้งที่หมิ่นประมาทพระเจ้าคนนี้ราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้าเองที่เสด็จมาจากสวรรค์เพื่อลงมาหาพวกเขา ธุรกิจอันน่าอับอายนี้เกิดขึ้นในคริสตจักรและเททเซลก้าวขึ้นธรรมาสน์กล่าวยกย่องว่าใบลบมลทินบาปเป็นของประทานประเสริฐที่สุดของพระเจ้า เขาเปิดเผยว่าโดยความดีของใบลบมลทินบาปของเขา บาปทั้งหมดที่ผู้ซื้อปรารถนาจะกระทำในภายหลังจะได้รับการอภัยและยังบอกด้วยว่า “การกลับใจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น” Ibid. เล่มที่ 3 บทที่ 1 นอกเหนือจากนี้ เขายังให้ความมั่นใจแก่ผู้ฟังว่าใบลบมลทินบาปมีอำนาจไม่เพียงแต่จะช่วยผู้ที่ยังมีชีวิตให้รอดแต่จะช่วยคนที่ตายไปแล้วด้วย ทันทีที่เหรียญเงินตกกระทบดังกริ๊งกับก้นตู้รับบริจาค ดวงวิญญาณที่ถูกชำระด้วยเงินนั้นจะรอดพ้นจากแดนชำระและมุ่งหน้าขึ้นไปสวรรค์ (โปรดดู K. R. Hagenbach, History of the Reformation ตอนที่ 1 หน้า 96) {GC 127.3} GCth17 107.2

เมื่อซีโมน มากัสเสนอที่จะซื้ออำนาจที่จะทำการอัศจรรย์จากอัครสาวกนั้น เปโตรตอบเขาว่า “เงินของเจ้าจงพินาศพร้อมกับตัวเจ้า เพราะเจ้าคิดว่าของประทานจากพระเจ้าสามารถซื้อด้วยเงินได้” กิจการ 8:20 แต่คนนับพันกระเสือกกระสนคว้าสิ่งที่เททเซลเสนอ ทองคำและเงินไหลเข้าสู่กองคลังของเขา ความรอดที่เงินทองหาซื้อได้นั้นจะรับมาได้มาง่ายกว่าความรอดที่ต้องการการกลับใจ ความเชื่อและการลงแรงอย่างพากเพียรเพื่อต่อต้านและเอาชนะบาป (โปรดดูภาคผนวก) {GC 128.1} GCth17 107.3

ผู้คงแก่เรียนและเคร่งครัดในคริสตจักรโรมันต่อต้านหลักคำสอนเรื่องใบลบมลทินบาปและมีคนมากมายที่ไม่ศรัทธาในคำกล่าวอ้างที่ขัดแย้งต่อทั้งเหตุผลและการเปิดเผย ไม่มีพระราชาคณะองค์ใดกล้าแม้แต่ส่งเสียงคัดค้านการค้าขายที่ชั่วช้าเช่นนี้ แต่สติปัญญาของคนมากมายถูกรบกวนและหงุดหงิด และหลายคนทูลถามพระเจ้าอย่างกระวนกระวายใจว่าพระองค์จะไม่ทรงกระทำการใดๆ ผ่านเครื่องมือบางอย่างเพื่อชำระคริสตจักรของพระองค์หรือ {GC 128.2} GCth17 108.1

แม้ลูเธอร์จะยังคงเป็นผู้นิยมระบอบเปปาซีอย่างเข้มงวดก็ตามที เขาวิตกกับการหมิ่นประมาทพระเจ้าอย่างอุกอาจในเรื่องธุรกิจใบลบมลทินบาปนี้ คนจำนวนมากในโบสถ์ของเขาซื้อใบรับรองการอภัยบาปและต่อมาไม่นานพวกเขาก็เข้ามาหาศาสนาจารย์ของตนเพื่อสารภาพบาปของตนและหวังจะได้รับการปลดเปลื้องบาปไม่ใช่เพราะการสำนึกผิดและมีความปรารถนาจะปฏิรูปแต่อาศัยเหตุผลของการมีใบลบมลทินบาป ลูเธอร์ปฏิเสธที่จะปลดเปลื้องพวกเขาและเตือนเขาทั้งหลายว่า หากพวกเขาจะไม่กลับใจและปฏิรูปชีวิตของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะต้องพินาศไปพร้อมบาป ด้วยความสังสัยพวกเขากลับไปหาเททเซล บ่นกับเขาว่าผู้รับสารภาพบาปปฏิเสธใบลบมลทินบาปของเขาและมีบางคนกล้าทวงเงินคืนจากเขา นักบวชภราดรผู้นี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขากล่าวคำสาปแช่งรุนแรงมากมาย จัดการวางเพลิงตามสี่แยกต่างๆ พร้อมกับประกาศว่า “เขาได้รับพระบัญชาจากพระสันตะปาปาให้เผาคนนอกรีตทั้งหลายที่กล้าต่อต้านใบลบมลทินบาปอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด” D’Aubigné เล่มที่ 3 บทที่ 4 {GC 128.3} GCth17 108.2

บัดนี้ลูเธอร์ก้าวสู่งานของเขาอย่างกล้าหาญในฐานะผู้เชิดชูสัจธรรม เสียงเตือนอย่างจริงใจและน่ายำเกรงของเขาดังออกมาจากธรรมาสน์ เขาเปิดเผยลักษณะอันก้าวร้าวของบาปต่อหน้าประชาชนและสอนพวกเขาว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะบรรเทาความผิดหรือหนีการลงโทษให้พ้นด้วยการกระทำของตนเอง ไม่มีสิ่งใดนอกจากการสำนึกผิด การกลับใจหันเข้าหาพระเจ้าและความเชื่อในพระคริสต์จึงจะช่วยคนบาปให้รอดได้ พระคุณของพระคริสต์ซื้อขายกันไม่ได้ เป็นของประทานที่ให้เปล่า เขาแนะประชาชนไม่ให้ซื้อใบลบมลทินบาปแต่ให้มองด้วยความเชื่อไปยังพระผู้ไถ่ผู้ทรงถูกตรึงบนกางเขน เขาเล่าประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดของตนในการแสวงหาความรอดอย่างไร้สาระโดยการลงโทษตนเองและให้ความมั่นใจแก่ผู้ฟังว่า ด้วยการหันมองออกไปจากตัวเองและการมีความเชื่อในพระคริสต์ พวกเขาจะพบสันติสุขและความสุข {GC 129.1} GCth17 108.3

ในขณะที่เททเซลยังดำเนินการค้าของเขาและการเสแสร้งอย่างไม่ยำเกรงพระเจ้านั้น ลูเธอร์ตัดสินใจต่อต้านการล่วงละเมิดนี้ให้ได้ผลยิ่งขึ้น แล้วในไม่ช้าโอกาสก็มาถึง โบสถ์ปราสาทแห่งเมืองวิตเทนเบิร์กมีวัตถุตามตำนานโบราณมากมายและจะนำออกแสดงให้ประชาชนบูชาในเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อสารภาพบาปและจะได้รับการอภัยอย่างหมดสิ้น ด้วยเหตุฉะนี้ ในวันเหล่านี้ ประชาชนจำนวนมากจะเข้าเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ มีเทศกาลสำคัญที่สุดเทศกาลหนึ่งคือวันฉลองนักบุญทั้งหลาย และกำลังใกล้จะมาถึงแล้ว ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ลูเธอร์ซึ่งมาพร้อมกับฝูงชนไปยังโบสถ์ เขานำแผ่นป้ายประกอบด้วยข้อเสนอเก้าสิบห้าข้อซึ่งต่อต้านหลักคำสอนเรื่องใบลบมลทินบาปไปปิดไว้ที่หน้าประตู เขาเปิดเผยถึงความเต็มใจของเขาที่จะไปปกป้องบทความเหล่านี้ในวันรุ่งขึ้นที่มหาวิทยาลัยจากทุกคนที่เห็นสมควรที่จะโจมตีข้อเสนอเหล่านี้ {GC 129.2} GCth17 109.1

ข้อเสนอของเขาดึงดูดความสนใจของฝูงชนอย่างกว้างขวาง มีคนมาอ่านแล้วอ่านอีกและเล่าต่อๆ กันในทุกที่ ความตื่นเต้นเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยและทั่วทั้งเมือง บทความเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอำนาจที่จะประทานการอภัยบาปและยกความผิดไม่เคยมอบไว้ให้กับพระสันตะปาปาหรือมนุษย์คนหนึ่งคนใด อุบายทั้งหมดเป็นเรื่องตลกที่สร้างขึ้นมาเอง เพื่อขูดรีดเงินด้วยการเล่นอยู่กับความงมงายของประชาชน เป็นเครื่องมือของซาตานที่จะทำลายจิตวิญญาณของคนทั้งหมดที่วางใจในเล่ห์เหลี่ยมที่เสแสร้งและหลอกลวงนี้ ทั้งยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข่าวประเสริฐของพระคริสต์เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของคริสตจักร และพระคุณของพระเจ้าที่เปิดเผยให้เห็นนั้นทรงโปรดประทานให้อย่างเสรีแก่ทุกคนที่แสวงหาด้วยการกลับใจและด้วยความเชื่อ {GC 130.1} GCth17 109.2

บทความของลูเธอร์ท้าทายการเปิดอภิปรายปัญหานี้ แต่ไม่มีผู้ใดกล้ารับคำท้านี้ เพียงไม่กี่วัน แนวคิดที่เขาเสนอกระหึ่มไปทั่วประเทศเยอรมนีและเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ดังก้องไปทั่วอาณาจักรคริสต์ศาสนา ผู้นิยมลัทธิโรมันที่เคร่งครัดมากมายผู้มองเห็นและโอดครวญถึงความชั่วที่ดาษดื่นอยู่ในคริสตจักร แต่ไม่รู้ว่าจะยับยั้งการแพร่กระจายของมันในคริสตจักรได้อย่างไร พวกเขาอ่านข้อความเหล่านั้นด้วยความชื่นชมยินดี รู้ดีว่าเป็นพระสุรเสียงของพระเจ้า พวกเขารู้สึกว่าพระเจ้าทรงวางพระหัตถ์ที่กอปรด้วยพระเมตตาคุณลงมาเพื่อหยุดยั้งคลื่นแห่งความชั่วที่กำลังทะลักออกมาจากราชสำนักของโรม เจ้าชายและเจ้าสำนักการปกครองฉลองด้วยความยินดีอย่างลับๆ ที่เกิดแรงทัดทานอำนาจซึ่งปฏิเสธสิทธิ์ในการอุทธรณ์คำตัดสิน {GC 130.2} GCth17 109.3

แต่คนมากมายที่รักบาปและเชื่ออย่างงมงายกลับหวาดผวาเมื่อกลลวงต่าง ๆ ของสำนักสงฆ์ที่พวกเขายึดถือเพื่อคลายความกังวลของตนถูกทลายลง เหล่าสงฆ์เจ้าเล่ห์ทั้งหลายเมื่อพบว่างานส่งเสริมอาชญากรรมของพวกตนถูกขัดขวางและผลประโยชน์กำลังตกอยู่ในอันตราย จึงเดือดดาลยิ่งนักและรวบรวมกำลังเพื่อรักษาธุรกิจจอมปลอมของพวกตน นักปฏิรูปศาสนาผู้นี้ต้องเผชิญหน้ากับผู้กล่าวหาที่โหดร้าย บางคนกล่าวหาว่าเขากระทำตนอย่างหุนหันพลันแล่น และทำไปโดยอารมณ์ชั่ววูบ คนอื่นกล่าวหาว่าเขาสันนิษฐานขึ้นเอง ประกาศว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงนำในสิ่งที่เขาทำอยู่แต่ทำจากความยโสและทำไปด้วยความเถรตรง เขาโต้กลับไปว่า “มีผู้ใดไม่รู้หรือว่า ไม่บ่อยนักที่มนุษย์จะเสนอความคิดใหม่โดยไม่แสดงออกบ้างถึงความภาคภูมิใจและไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงการทะเลาะกัน.....ทำไม พระคริสต์และผู้ยอมพลีชีพทั้งหลายจึงถูกประหาร ก็เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาหมิ่นประมาทปัญญาของสมัยนั้นและนำเสนอเรื่องแปลกใหม่โดยไม่ได้ขอคำแนะนำอย่างถ่อมตนจากผู้ควบคุมดูแลความคิดเห็นโบราณ” {GC 130.3} GCth17 109.4

เขาประกาศอีกครั้งหนึ่งว่า “ไม่ว่าข้าพเจ้าจะทำสิ่งใด สิ่งนั้นจะสำเร็จ ไม่ใช่โดยความรอบรู้ของมนุษย์แต่โดยการทรงนำของพระเจ้า หากงานนั้นเป็นของพระเจ้า มีผู้ใดจะห้ามงานนั้นได้ หากไม่ใช่แล้วใครเล่าจะทำได้ ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจของข้าพเจ้าหรือของพวกเขาหรือของพวกเรา แต่โดยน้ำพระทัยของพระองค์ พระบิดาผู้บริสุทธิ์ พระองค์ผู้สถิตอยู่บนสรวงสวรรค์” Ibid. เล่มที่ 3 บทที่ 6 {GC 131.1} GCth17 110.1

ถึงแม้พระวิญญาณของพระเจ้าทรงขับเคลื่อนลูเธอร์ให้เริ่มงานของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ดำเนินงานคืบหน้าโดยปราศจากความขัดแย้งที่รุนแรง คำตำหนิของศัตรูของเขา การแปลความหมายจุดประสงค์ของเขาไปในทางที่ผิด คำถากถางมุ่งร้ายอย่างไร้ความยุติธรรมถึงอุปนิสัยและเจตนาของเขานั้นถาโถมใส่เขาดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ปราศจากผล เขาเคยมั่นใจว่าผู้นำประชาชนทั้งในคริสตจักรและในโรงเรียนจะร่วมมือกับเขาด้วยความยินดีในความพยายามที่จะให้มีการปฏิรูปเกิดขึ้น กำลังใจที่มาจากผู้อยู่ในตำแหน่งสูงดลบันดาลให้เขามีความสุขและความหวัง ด้วยความคาดหวังเขาเริ่มมองเห็นท้องฟ้าวันใหม่ของคริสตจักรที่สดใสกว่า แต่กำลังใจกลับกลายเป็นคำตำหนิและคำประณาม เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของทั้งคริสตจักรและรัฐต่างยอมรับว่าบทความของเขานั้นจริง แต่ในไม่ช้าพวกเขากลับมองเห็นว่าการยอมรับความจริงเหล่านี้จะต้องพัวพันกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย การทำให้ประชาชนรอบรู้และปฏิรูปหมายถึงการลอบทำลายอำนาจของโรม หยุดสายน้ำนับพันที่บัดนี้กำลังไหลเข้าสู่คลังสมบัติของคริสตจักรและเป็นการตัดตอนความฟุ่มเฟือยและความหรูหราของผู้นำระบอบเปปาซี ยิ่งกว่านั้น การสอนให้ประชาชนคิดและปฏิบัติตนอย่างมีความรับผิดชอบโดยมองหาความรอดในพระคริสต์เท่านั้นจะคว่ำบัลลังก์ของพระสันตะปาปาและในที่สุดทำลายอำนาจของพวกเขาเอง ด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาปฏิเสธสติปัญญาที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่เขาทั้งหลายและตั้งตนขึ้นต่อต้านพระคริสต์และสัจธรรมด้วยการต่อต้านผู้คนที่พระองค์ทรงบัญชาให้มาเปิดเผยความกระจ่างแก่พวกเขา {GC 131.2} GCth17 110.2

ลูเธอร์ตัวสั่นเมื่อมาคำนึงถึงตนเอง เขาลำพังเพียงคนเดียวที่ต่อต้านอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก บางครั้งเขาสงสัยว่าแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงนำเขาอยู่หรือไม่ในการตั้งตนต่อต้านอำนาจของคริสตจักร เขาบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าคือผู้ใดเล่าที่จะมาต้านความยิ่งใหญ่ของพระสันตะปาปา ผู้ซึ่ง.....พระราชาทั้งโลกและคนทั้งพิภพกลัวจนตัวสั่น.....ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหัวใจของข้าพเจ้าทุกข์ทรมานเพียงไรในช่วงเวลาสองปีแรกนี้และต้องท้อแท้ใจจนข้าพเจ้าแทบจะพูดได้ว่าอับปางไปแล้วก็ได้” Ibid. เล่มที่ 3 บทที่ 6 แต่เขาไม่ถึงกับสิ้นหวังเสียเลยทีเดียว เมื่อการสนับสนุนของมนุษย์ล้มเหลว เขาก็มองไปยังพระเจ้าแต่ผู้เดียวและเรียนรู้ว่าเขาพึ่งพิงสวัสดิภาพอันสมบูรณ์ในพระหัตถ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ {GC 132.1} GCth17 111.1

ลูเธอร์เขียนจดหมายไปถึงเพื่อนคนหนึ่งของการปฏิรูปศาสนาว่า “เราเข้าไม่ถึงความรอบรู้ในพระคัมภีร์ด้วยการศึกษาหรือด้วยทางปัญญา หน้าที่อันดับแรกของท่านคือเริ่มต้นด้วยการอธิษฐาน จงร้องทูลขอพระเจ้าเพื่อประทานพระเมตตาคุณยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้แก่ท่าน ซึ่งเป็นความรอบรู้ที่แท้จริงในพระคำของพระองค์ ไม่มีใครแปลความหมายพระวจนะของพระเจ้าได้นอกจากพระผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของพระวจนะนี้ เพราะพระองค์ตรัสเองว่า “พระเจ้าจะทรงสั่งสอนพวกเขาทุกคน” ยอห์น 6:45 จงอย่าหวังสิ่งใดจากผลการทำงานของท่าน จากความรู้ของท่านเอง จงวางใจในพระองค์แต่ผู้เดียว และในการดลใจของพระวิญญาณของพระองค์ จงเชื่อเรื่องนี้จากคำพูดของชายคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว” Ibid. เล่มที่ 3 บทที่ 7 เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับผู้ที่สัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงเรียกให้เขาเสนอสัจธรรมที่สำคัญสำหรับยุคนี้แก่ผู้อื่น สัจธรรมเหล่านี้จะกระตุ้นซาตานและสมุนผู้รักนิทานลวงโลกที่มันแต่งขึ้นให้เป็นศัตรูกับเรา เราต้องการบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่ากำลังทางปัญญาและความรู้ของมนุษย์ ในการต่อสู้กับอำนาจความชั่ว {GC 132.2} GCth17 111.2

เมื่อฝ่ายศัตรูใช้ขนบธรรมเนียมและประเพณีหรือคำรับรองและอำนาจของพระสันตะปาปามาล่อลวง ลูเธอร์ก็เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ด้วยพระคัมภีร์และพระคัมภีร์เท่านั้น นี่เป็นคำโต้เถียงที่พวกเขาตอบไม่ได้ ดังนั้นทาสของลัทธินิยมยึดตามตัวบทกฎเกณฑ์และความงมงายจึงประกาศก้องตามหาโลหิตของเขา เช่นเดียวกับที่ชาวยิวเคยร้องเรียกพระโลหิตของพระคริสต์มาแล้ว คนคลั่งไคล้ชาวโรมันร้องว่า “เขาเป็นคนนอกรีต เป็นการทรยศที่ร้ายแรงต่อคริสตจักรที่ปล่อยให้คนนอกรีตมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง จงสร้างตะแลงแกงแขวนเขาทันที” Ibid. เล่มที่ 3 บทที่ 9 แต่ลูเธอร์ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของคนเหล่านี้ พระเจ้าทรงมีงานให้เขาทำและส่งทูตสวรรค์มาปกป้องเขา อย่างไรก็ตามมีคนอีกมากมายที่ได้รับความกระจ่างอันล้ำค่าจากลูเธอร์ต้องตกเป็นเป้าความเคียดแค้นของซาตานและยอมพลีชีพต่อความทุกข์ทรมานและความตายอย่างอาจหาญเพื่อเห็นแก่สัจธรรม {GC 132.3} GCth17 111.3

คำสอนของลูเธอร์ดึงดูดความสนใจของผู้ที่มีสติปัญญารอบคอบทั่วทั้งประเทศเยอรมนี ลำแสงแห่งความกระจ่างส่องออกมาจากคำเทศนาและผลงานเขียนของเขาปลุกและส่องสว่างแก่คนนับพัน ความเชื่อที่กอปรด้วยชีวิตกำลังเข้ามาแทนที่ลัทธิถือระเบียบไร้ชีวิตที่ดักจับคริสตจักรมาแล้วอย่างเนิ่นนาน วันแล้ววันเล่าประชาชนกำลังสูญเสียความวางใจอย่างงมงายที่มีให้กับลัทธิโรมัน อคติที่ขวางกั้นอยู่กำลังพังทลายไป พระวจนะของพระเจ้าที่ลูเธอร์ใช้ทดสอบหลักคำสอนทุกอย่างและข้อโต้แย้งทุกเรื่องเป็นเหมือนดาบสองคมที่เฉือนเข้าไปในหัวใจของประชาชน ทั่วทุกแห่งหนเกิดการตื่นตัวของความปรารถนาที่จะก้าวหน้าทางฝ่ายจิตวิญญาณ ทุกแห่งหนเกิดความหิวกระหายความชอบธรรมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมานานแสนนาน สายตาของประชาชนที่เคยหันไปมองแต่พิธีกรรมของมนุษย์และผู้ไกล่เกลี่ยฝ่ายโลกนั้นบัดนี้กำลังหันมาหาพระคริสต์และองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขนด้วยความสำนึกต่อบาปและด้วยความเชื่อ {GC 133.1} GCth17 112.1

ความสนใจที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางนี้ยิ่งปลุกความกลัวของผู้ที่อยู่ในอำนาจของระบอบเปปาซีเป็นทวีคูณ ลูเธอร์ได้รับคำสั่งให้ไปรายงานตัวที่กรุงโรมเพื่อให้การกับข้อกล่าวหาเรื่องคำสอนนอกรีต คำสั่งนี้ทำให้เพื่อนๆ ของเขาวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาทราบดีอย่างเต็มอกถึงภัยอันตรายที่จะคุกคามตัวเขาในเมืองที่เลวทรามนั้น ซึ่งเมามายด้วยโลหิตของผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อพระเยซูมาแล้ว พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปกรุงโรมของลูเธอร์และยื่นขอให้เขารับการตรวจสอบที่ประเทศเยอรมนี {GC 133.2} GCth17 112.2

ในที่สุดคำขอก็ประสบผลสำเร็จและมีการแต่งตั้งผู้แทนทางกฎหมายของพระสันตะปาปาเพื่อมาฟังคดีนี้ ในคำสั่งที่พระสันตะปาปาทรงให้ไว้กับผู้แทนท่านนี้ ลูเธอร์ถูกระบุว่าเป็นคนนอกรีตแล้ว ผู้แทนของพระสันตะปาปาจึงสั่งให้ “ฟ้องและบังคับโดยไม่รอช้า” หากลูเธอร์ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อและยังยืนกรานต่อไปและผู้แทนไม่อาจจับตัวเขาได้ ผู้แทนมีอำนาจ “เนรเทศเขาในทุกภาคของประเทศเยอรมนี กำจัด สาปแช่งและบัพพาชนียกรรม [กรรมที่สงฆ์ทําแก่ภิกษุที่จะพึงขับไล่ออกจากศาสนา] ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา” Ibid. เล่มที่ 4 บทที่ 2 นอกจากนี้ เพื่อจัดการถอนรากการแพร่กระจายของกลุ่มนอกรีตนี้ พระสันตะปาปายังทรงสั่งให้ผู้แทนของพระองค์บัพพาชนียกรรมทุกคนนอกจากจักรพรรดิไม่ว่าจะมีตำแหน่งใดในคริสตจักรหรือตำแหน่งการปกครองที่ละเลยการจับกุมลูเธอร์และผู้ติดตามของเขาและส่งมอบตัวพวกเขาให้กับโรมเพื่อการแก้แค้นได้อย่างสาสมใจ {GC 133.3} GCth17 112.3

พฤติกรรมนี้แสดงถึงวิญญาณอันแท้จริงของหลักคำสอนและพิธีกรรมของระบอบเปปาซี คำสั่งทั้งฉบับไม่ปรากฏร่องรอยของหลักการของคริสเตียนหรือแม้แต่ความยุติธรรมของคนทั่วไป ลูเธอร์อยู่ห่างจากโรมเป็นระยะทางไกลมาก เขาไม่มีโอกาสที่จะอธิบายหรือปกป้องจุดยืนของเขา แต่ถึงกระนั้นก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีของเขา เขาก็ถูกสรุปว่าเป็นคนนอกรีตเสียแล้ว และในวันเดียวกันนั้นเขาก็ถูกเคี่ยวเข็ญ ถูกกล่าวโทษ ถูกพิพากษาและถูกตัดสินลงโทษ และเรื่องทั้งหมดนี้กระทำโดยคุณพ่อศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตนเองขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่ไม่รู้พลั้งในคริสตจักรหรือในการปกครอง {GC 134.1} GCth17 112.4

ในช่วงเวลานี้ซึ่งลูเธอร์ต้องการความเห็นใจและคำแนะนำของมิตรแท้ พระเจ้าทรงจัดส่งเมลังค์ธอน [Melanchthon] ไปยังเมืองวิตเทนเบิร์ก เขามีอายุน้อย มีกิริยาสงบเสงี่ยมและสุภาพถ่อมตน การพินิจพิเคราะห์ที่รอบคอบของเมลังค์ธอน ความรอบรู้ที่กว้างขวางและความคล่องแคล่วในวาทะรวมทั้งความบริสุทธิ์และอุปนิสัยที่ซื่อตรงได้ชนะใจความเลื่อมใสและความชื่นชมของคนอย่างกว้างขวาง ความสามารถอันปราดเปรื่องของเขาก็ไม่แพ้อารมณ์อันสุขุมของเขา ไม่นานเขากลายเป็นสาวกที่ซื่อสัตย์ของข่าวประเสริฐและเป็นมิตรที่ลูเธอร์วางใจมากที่สุดและเป็นผู้สนับสนุนอันล้ำค่า ความสุภาพ ความระมัดระวังและความละเอียดของเขากลายเป็นสิ่งที่เสริมกำลังให้แก่ความกล้าหาญและพลังของลูเธอร์ การเข้าร่วมทำงานด้วยกันของพวกเขาส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับงานของการปฏิรูปศาสนาและเป็นแหล่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่แก่ลูเธอร์ {GC 134.2} GCth17 113.1

เมืองออกซ์บูร์กถูกกำหนดให้เป็นที่พิจารณาคดี และนักปฏิรูปท่านนี้จึงออกเดินทางด้วยเท้ามุ่งหน้าไปที่นั่น ความน่ากลัวรุนแรงรอคอยเขาอยู่ตลอดเวลา คำขู่อย่างเปิดเผยว่าเขาจะถูกจับกุมและลอบฆ่าในระหว่างทางและมิตรสหายทั้งหลายต่างขอให้เขาอย่าออกเดินทาง แม้กระทั่งยังขอร้องเขาให้ออกไปจากเมืองวิตเทนเบิร์กสักระยะหนึ่งและเข้าไปหาที่หลบซ่อนปลอดภัยกับผู้ที่จะปกป้องเขาด้วยความยินดี แต่เขาไม่ยอมทิ้งหน้าที่ที่พระเจ้าทรงจัดวางไว้ให้เขา เขาต้องรักษาสัจธรรมไว้อย่างซื่อสัตย์ต่อไป แม้ต้องทนกับปัญหาและความลำบากอย่างใหญ่หลวง คำพูดที่เขาให้ไว้คือ “ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเยเรมีย์ เป็นผู้ที่ต่อสู้และดิ้นรน แต่คำขู่ของพวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ความสุขของข้าพเจ้าก็จะทวีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น.....พวกเขาทำลายเกียรติยศและชื่อเสียงของข้าพเจ้าไปแล้ว มีอยู่เพียงสิ่งเดียวที่คงเหลืออยู่ นั่นคือร่างกายที่น่าสมเพชของข้าพเจ้า ให้พวกเขาเอาไปเลย พวกเขาจะทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าสั้นลงไปไม่กี่ชั่วโมง แต่สำหรับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าแล้วพวกเขาเอาไปไม่ได้ ผู้ที่ปรารถนาจะประกาศพระวจนะของพระคริสต์แก่โลกจะต้องคาดว่าความตายจะมาเยือนได้ในทุกขณะ” Ibid. เล่มที่ 4 บทที่ 4 {GC 134.3} GCth17 113.2

ข่าวเรื่องลูเธอร์เดินทางมาถึงเมืองออกซ์บูร์กทำให้ผู้แทนกฎหมายของระบอบเปปาซีพึงพอใจเป็นล้นพ้น ดูประหนึ่งว่าคนนอกรีตที่ปลุกความสนใจของคนทั้งโลกนั้นบัดนี้ตกอยู่ในอำนาจของโรมแล้ว และผู้แทนระบอบเปปาซีตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยเขาให้หลุดไป นักปฏิรูปทำพลาดไปที่ไม่ได้ขอใบสั่งการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ตนเอง มิตรสหายทั้งหลายของเขาต่างกำชับเขาว่าอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้แทนของระบอบเปปาซีหากไม่ได้ใบสั่งนี้ และพวกเขาร่วมกันลงแรงที่จะขอจักรพรรดิให้ตราใบคุ้มครองนี้ ทูตของระบอบเปปาซีตั้งใจไว้แล้วว่าหากทำได้จะบังคับให้ลูเธอร์ถอนความเชื่อ หรือหากทำไม่สำเร็จจะบังคับย้ายเขาไปกรุงโรมเพื่อรับจุบจบเช่นเดียวกับฮัสและเจอโรมี ด้วยเหตุนี้ โดยผ่านทางผู้แทนของตน เขาลงแรงโน้มน้าวให้ลูเธอร์ไปปรากฏตัวโดยปราศจากใบคุ้มครองความปลอดภัย ให้วางใจในความเมตตาของเขา เรื่องนี้นักปฏิรูปไม่ยอมทำตามอย่างแข็งขันจนกระทั่งเขาได้ใบคุ้มครองของจักรพรรดิแล้ว เขาจึงไปปรากฏตัวต่อหน้าทูตของผู้นำระบอบเปปาซี {GC 135.1} GCth17 113.3

เพื่อทำตามนโยบาย ผู้แทนของเหล่าผู้นิยมลัทธิโรมันตัดสินใจที่จะพยายามเอาชนะลูเธอร์ด้วยการแสดงความสุภาพอ่อนโยน ในการสัมภาษณ์ของผู้แทนพระสันตะปาปานั้น เขาแสดงออกถึงความเป็นมิตรเป็นอย่างดี แต่ยื่นข้อเรียกร้องให้ลูเธอร์ยอมจำนนต่ออำนาจของคริสตจักรโดยปริยายและยอมในทุกเรื่องโดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือความสงสัย เขาไม่ได้ประเมินอุปนิสัยของชายที่เขากำลังต่อกรด้วยอย่างถูกต้อง ในคำตอบของลูเธอร์ เขาอธิบายถึงความเคารพต่อคริสตจักร ความปรารถนาของเขาเพื่อสัจธรรม ความพร้อมของเขาที่จะตอบเรื่องทั้งหมดที่ขัดแย้งกับเรื่องที่เขาสอนและยินดีมอบคำสอนของเขาให้มหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่งตัดสิน แต่ในเวลาเดียวกันเขาประท้วงแนวทางของพระคาร์ดินัลที่กำหนดให้เขาถอนความเชื่อของเขาโดยไม่ได้พิสูจน์เสียก่อนว่าเขาผิดจริง {GC 135.2} GCth17 114.1

คำตอบสนองเดียวที่เขาได้รับคือ “ถอนความเชื่อ ให้ถอนความเชื่อเสีย” นักปฏิรูปศาสนาคนนี้แสดงให้เห็นว่าจุดยืนของเขานั้นมีพระคัมภีร์สนับสนุนและยืนกรานอย่างแข็งขันว่าเขาจะไม่ละทิ้งสัจธรรม ผู้แทนของระบอบเปปาซีตอบคำโต้แย้งของลูเธอร์ไม่ได้ จึงประโคมคำตำหนิ คำถากถางเสียดสี และคำยกยอที่แทรกด้วยข้อความจากธรรมเนียมประเพณีและคำกล่าวของบรรพบุรุษโหมกระหน่ำลงใส่เขา ทำให้นักปฏิรูปศาสนาไม่มีโอกาสพูด เมื่อเห็นว่าการประชุมคงจะดำเนินต่อไปเช่นนี้และไม่เกิดผล ในที่สุด ด้วยความไม่เต็มใจ ลูเธอร์ได้รับอนุญาตให้นำเสนอคำตอบด้วยลายลักษณ์อักษร {GC 136.1} GCth17 114.2

เขากล่าวในจดหมายที่เขียนถึงเพื่อนคนหนึ่งว่า “ด้วยการทำเช่นนี้ ผู้ถูกกดขี่กลับได้ประโยชน์ถึงสองต่อ ประการแรกสิ่งที่เขียนไว้นั้นอาจถูกยื่นไปให้ผู้อื่นพิจารณา และประการที่สองเขามีโอกาสที่ดีกว่าที่จะจัดการกับความหวาดหวั่นมากกว่ากับจิตสำนึกของผู้กดขี่ที่มีอำนาจเด็ดขาด ยโสและพูดจาพล่ามไม่เป็นภาษา ผู้ซึ่งหากเป็นได้จะเอาชนะด้วยภาษาข่มขู่บังคับของตนเอง” Martyn, The Life and Times of Luther หน้า 271, 272 {GC 136.2} GCth17 114.3

ในการสอบสวนครั้งต่อมา ลูเธอร์นำเสนอคำอธิบายทัศนะของเขาที่ชัดเจนรวบรัดและหนักแน่น สนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยข้ออ้างจากพระคัมภีร์ หลังจากที่ลูเธอร์อ่านเสียงดังจบลง เขาก็ยื่นเอกสารนั้นให้พระคาร์ดินัล ซึ่งรับมาโยนไว้ข้างตัวด้วยอาการดูหมิ่นเหยียดหยามและประกาศว่าล้วนเป็นคำพูดที่ไร้สาระและเป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผล ลูเธอร์ฉุนจัด ตอนนี้เขาเผชิญหน้ากับพระราชาคณะที่ยโสคนนี้บนจุดยืนของท่านเอง—นั่นคือธรรมเนียมและคำสอนของคริสตจักร—และได้ล้มล้างข้ออ้างของพระราชาคณะลงอย่างเด็ดขาด {GC 136.3} GCth17 114.4

เมื่อพระราชาคณะเห็นว่าตนเองไม่อาจโต้คำอธิบายอย่างมีเหตุและผลของลูเธอร์ได้ ท่านก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่และตะโกนลั่นว่า “ถอนคำพูดเสีย มิฉะนั้นเราจะส่งเจ้าไปกรุงโรมให้ไปรายงานตัวต่อหน้าคณะผู้พิพากษาที่แต่งตั้งไว้เพื่อจัดการกับอุดมการณ์ของเจ้า เราจะบัพพาชนียกรรมเจ้าและพรรคพวกทั้งหมดของเจ้าและทุกคนที่สนับสนุนเจ้าไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม และจะขับไล่พวกเขาออกจากโบสถ์” และในที่สุดท่านประกาศด้วยน้ำเสียงโอหังและโกรธว่า “ถอนคำพูดเสีย หากไม่ถอนก็อย่าได้กลับมาอีก” D’Aubigné, London ed. เล่มที่ 4 บทที่ 8 {GC 136.4} GCth17 115.1

นักปฏิรูปศาสนาพร้อมด้วยมิตรสหายของเขารีบออกไปจากที่นั่นทันที การทำเช่นนี้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ถอนคำพูด พระคาร์ดินัลไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านเคยนึกชมตนเองว่าจะสามารถใช้ความรุนแรงข่มขู่ลูเธอร์ให้ยอมจำนนได้ บัดนี้ท่านถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับผู้สนับสนุน ท่านมองหน้าแต่ละคนด้วยความเสียใจอย่างแสนสาหัสที่แผนการล้มเหลวอย่างไม่คาดฝัน {GC 137.1} GCth17 115.2

ความพยายามของลูเธอร์ในเหตุการณ์ครั้งนี้มิได้ไร้ผล ฝูงชนขนาดใหญ่ที่ติดตามเหตุการณ์ในวันนั้นมีโอกาสเปรียบเทียบชายสองคนและตัดสินด้วยตนเองถึงสภาพจิตวิญญาณของแต่ละคนที่แสดงออกมา รวมทั้งจุดแข็งและความจริงของจุดยืนของพวกเขา ช่างแตกต่างมากเพียงไร นักปฏิรูปมีลักษณะที่เรียบง่าย ถ่อมตน มั่นคง ยืนหยัดด้วยพระกำลังของพระเจ้า มีความจริงอยู่กับตัว ส่วนผู้แทนของพระสันตะปาปาถือว่าตนเองสำคัญ หยิ่งยโส โอหังและไร้เหตุผล ไม่มีข้อโต้แย้งอ้างอิงแม้สักข้อที่ได้จากพระคัมภีร์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังร้องลั่นว่า “จงถอนคำพูดหรือจะให้นำตัวส่งไปลงโทษที่กรุงโรม” {GC 137.2} GCth17 115.3

แม้ว่าลูเธอร์ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยแล้วก็ตาม เหล่าผู้นิยมลัทธิโรมันก็ยังวางแผนที่จะบุกจับและนำเขาเข้าคุกให้ได้ มิตรสหายของเขาแนะว่าหากอยู่ในเมืองนี้ต่อจะไม่เกิดประโยชน์ เขาควรกลับไปยังเมืองวิตเทนเบิร์กอย่างไม่รอช้า และให้ปกปิดแผนนี้ไว้อย่างเข้มงวด ก่อนฟ้าสาง บนหลังม้าเขาพร้อมกับผู้นำทางเพียงคนเดียวที่เจ้าพนักงานปกครองจัดหามาให้เดินทางออกจากเมืองออกซ์บูร์ก ด้วยข้อเตือนห้ามต่างๆ ลูเธอร์เดินทางอย่างลับๆ ฝ่าความมืดและถนนอันเงียบสงัดของเมือง ศัตรูที่ตื่นตัวอยู่และโหดเหี้ยมกำลังวางแผนทำลายเขา เขาจะหนีพ้นกับดักที่เตรียมไว้สำหรับเขาหรือไม่ เป็นช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วงและต้องอธิษฐานอย่างแรงกล้า เขามาถึงประตูเล็กบานหนึ่งของกำแพงเมือง ประตูเปิดไว้สำหรับเขา เขาพร้อมด้วยคนนำทางเดินผ่านประตูไปโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ทันทีที่ออกนอกเมืองอย่างปลอดภัย ผู้หลบหนีทั้งสองเร่งการเดินทางและก่อนที่ผู้แทนของพระสันตะปาปาจะทราบเรื่องการหลบหนีของลูเธอร์ เขาก็อยู่ไกลเกินผู้กดขี่จะเอื้อมมือไปถึง ซาตานและผู้แทนของมันพ่ายแพ้ ผู้ที่พวกเขาคิดว่าอยู่ในกำมือของพวกเขานั้นหนีไปเสียแล้ว ดั่งนกที่รอดพ้นจากกับดักของนายพราน {GC 137.3} GCth17 115.4

เมื่อผู้แทนของพระสันตะปาปาทราบข่าวการหลบหนีของลูเธอร์ ท่านรู้สึกแปลกใจและโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ท่านเคยคาดหวังว่าจะได้รับเกียรติยิ่งใหญ่สำหรับปัญญาและความแน่วแน่ในการจัดการกับผู้ก่อกวนของคริสตจักรได้ แต่กลับพลาดหวังไปแล้ว ท่านบรรยายความโกรธเคืองในจดหมายที่เขียนถึงเจ้าชายเฟรเดอริค ผู้ทรงเป็นอิเล็กเตอร์แห่งแซกโซนี โดยประณามลูเธอร์อย่างขมขื่นและยื่นคำขาดว่าเจ้าชายเฟรเดอริคจะต้องส่งตัวนักปฏิรูปไปยังกรุงโรมหรือต้องอเปหิลูเธอร์ออกไปจากเมืองแซกโซนี {GC 138.1} GCth17 115.5

เพื่อเป็นการปกป้องตนเอง ลูเธอร์เรียกร้องให้ผู้แทนของพระสันตะปาปาหรือองค์พระสันตะปาปาเองแสดงให้เขาเห็นข้อผิดพลาดของเขาที่ต่างจากพระคัมภีร์และเขาปฏิญาณตนอย่างจริงจังที่สุดที่จะละทิ้งคำสอนของเขาหากสามารถแสดงให้เห็นว่าขัดแย้งกับพระวจนะของพระเจ้า และเขาขอบคุณพระเจ้าที่เห็นว่าตนเองสมควรได้รับการทรมานในอุดมการณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ {GC 138.2} GCth17 115.6

ในเวลานั้นอิเล็กเตอร์ยังทรงมีความรู้เรื่องคำสอนของนักปฏิรูปเพียงเล็กน้อย แต่พระองค์ทรงประทับใจอย่างสุดซึ้งใจกับคำพูดที่ตรงไปตรงมา หนักแน่นและชัดเจนของลูเธอร์ และเจ้าชายเฟรเดอริคทรงตัดสินใจที่จะยืนเคียงข้างปกป้องเขาจนกว่าจะพิสูจน์ว่านักปฏิรูปนั้นอยู่ฝ่ายผิด พระองค์ทรงตอบคำสั่งของผู้แทนพระสันตะปาปาด้วยการเขียนว่า “ เนื่องจาก ดร. มาร์ตินรายงานตัวต่อท่านที่เมืองออกซ์บูร์กแล้ว น่าจะเป็นที่พึงพอใจสำหรับท่าน พวกเราไม่คาดว่าท่านจะพยายามบังคับให้เขาถอนคำพูดโดยที่ยังไม่ได้ทำให้มั่นใจว่าเขาผิด ไม่มีคนมีการศึกษาสักคนในละแวกของพวกเราที่มาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่าหลักคำสอนของมาร์ตินนั้นขาดจริยธรรม ต่อต้านคริสเตียนหรือนอกรีต’ นอกจากนี้เจ้าชายยังทรงปฏิเสธที่จะส่งเขาไปกรุงโรมหรือขับเขาออกไปจากรัฐการปกครองของพระองค์” D’Aubigné เล่มที่ 4 บทที่10 {GC 138.3} GCth17 116.1

อิเล็กเตอร์ทรงมองเห็นว่าศีลธรรมของสังคมโดยทั่วไปเสื่อมลงมานานแล้ว จำเป็นต้องมีการปฏิรูปอย่างมากมาย การจัดการอย่างสลับซับซ้อนและสิ้นเปลืองเพื่อควบคุมและลงโทษอาชญากรรมเป็นสิ่งที่ไร้ความจำเป็นหากมนุษย์เพียงแต่ยอมรับและเชื่อฟังข้อกำหนดของพระเจ้าและคำสั่งของจิตสำนึกที่ได้รับความกระจ่างแล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าลูเธอร์กำลังทำงานเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายนี้และทรงแอบดีใจที่ในคริสตจักรเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบในเรื่องนี้ {GC 138.4} GCth17 116.2

พระองค์ยังทรงมองเห็นว่าลูเธอร์ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในฐานะที่เป็นศาสตราจารย์คนหนึ่งของมหาวิทยาลัย เวลาผ่านไปเพียงปีเดียวตั้งแต่นักปฏิรูปติดบทความของเขาที่โบสถ์ประจำปราสาท จำนวนคนที่เดินทางมาแสวงบุญที่โบสถ์ในเทศกาลนักบุญทั้งหลายลดลงไปอย่างมาก ทำให้โรมขาดทั้งคนเข้าร่วมนมัสการและเงินถวาย แต่มีคนอีกชนชั้นหนึ่งเข้ามาแทนที่ พวกเขามายังเมืองวิตเทนเบิร์กไม่ใช่ในฐานะนักแสวงบุญเพื่อบูชาวัตถุของขลังแต่ในฐานะนักเรียนเพื่อเข้ามาศึกษาในโรงเรียนของเมือง ผลงานเขียนของลูเธอร์จุดประกายไปทั่วทุกแห่งหนให้เกิดความสนใจในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่และไม่ใช่เฉพาะในทุกภาคของประเทศเยอรมนีเท่านั้น แต่มาจากดินแดนห่างไกลอื่นๆ ด้วย นักศึกษาพากันมายังมหาวิทยาลัย เยาวชนคนหนุ่มเมื่อเดินทางมาเห็นเมืองวิตเทนเบิร์กเป็นครั้งแรกจะ “ชูมือขึ้นไปยังท้องฟ้าและสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงทำให้ความกระจ่างแห่งสัจธรรมส่องออกมาจากเมืองนี้เหมือนเช่นได้ส่องออกมาจากศิโยนในสมัย โบราณและแผ่ขยายจากที่นั่นไปยังที่สุดปลายของประเทศห่างไกล” Ibid. เล่มที่ 4 บทที่ 10 {GC 139.1} GCth17 116.3

ในเวลานั้นลูเธอร์ไม่เห็นด้วยแต่เพียงบางส่วนของคำสอนผิดๆ ของลัทธิโรมัน แต่เมื่อเขาเปรียบเทียบข้อเขียนศักดิ์สิทธิ์กับคำสั่งและธรรมนูญของระบอบเปปาซี เขาตกใจและแปลกใจอย่างมาก เขาบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้ากำลังอ่านคำสั่งของพระสันตะปาปาและ......ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าพระสันตะปาปาเองเป็นพระคริสต์เทียมเท็จหรือเป็นอัครทูตของพระองค์กันแน่ แบบอย่างของพระคริสต์ถูกบิดเบือนไปจากความจริงอย่างมากและถูกตรึงไว้ในบรรดาพระสันตะปาปาเหล่านี้” Ibid. เล่มที่ 5 บทที่ 1 อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นลูเธอร์ก็ยังเป็นผู้สนับสนุนคริสตจักรโรมันและไม่เคยคิดที่จะแยกตัวออกจากความสัมพันธ์ของเธอ {GC 139.2} GCth17 117.1

ผลงานเขียนของนักปฏิรูปศาสนาและหลักคำสอนของเขาขยายไปยังทุกประเทศของอาณาจักรคริสเตียน ผลงานนี้แผ่กระจายไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์และประเทศฮอลลันดา งานเขียนเป็นเล่มกระจายไปถึงประเทศฝรั่งเศสและประเทศสเปน ประเทศอังกฤษต้อนรับคำสอนของเขาดั่งพระวจนะแห่งชีวิต สัจธรรมแผ่ขยายไปยังประเทศเบลเยียมและประเทศอิตาลีด้วย คนเป็นพันตื่นจากความเซื่องซึมเหมือนตายมาสู่ความชื่นชมยินดีและความหวังของชีวิตแห่งความเชื่อ {GC 139.3} GCth17 117.2

การโจมตีของลูเธอร์ยิ่งทำให้โรมฉุนเฉียว ผู้คัดค้านเขาอย่างบ้าระห่ำบางคนรวมทั้งบรรดาดุษฎีบัณฑิตในมหาวิทยาลัยคาทอลิกทั้งหลายต่างพากันประกาศว่าผู้ใดที่ฆ่านักบวชทรยศผู้นี้ได้จะเป็นคนที่ไร้บาป วันหนึ่งมีคนแปลกหน้าคนหนึ่งซ่อนปืนสั้นไว้ใต้เสื้อคลุมเดินเข้ามาหานักปฏิรูปศาสนาและถามว่าทำไมจึงเดินอยู่ตามลำพัง ลูเธอร์ตอบเขาว่า “ข้าพเจ้าอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกำลังและโล่ของข้าพเจ้า มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้เล่า” Ibid. เล่มที่ 6 บทที่ 2 เมื่อคนแปลกหน้าได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาซีดลงทันทีและวิ่งออกไปจากที่นั่นเหมือนเห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ที่นั่น {GC 140.1} GCth17 117.3

โรมมุ่งมั่นที่จะทำลายลูเธอร์ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้ต่อสู้ปกป้องแทนเขา คำสอนของเขามีให้ฟังทุกที่ “ ในกระท่อมและในคอนแวนต์....ในปราสาทของผู้ดี ในมหาวิทยาลัยและในพระราชวังของพระราชา” และขุนนางทั้งหลายกำลังลุกขึ้นในทุกที่เพื่อสนับสนุนความพยายามของเขา Ibid. เล่มที่ 6 บทที่ 2 {GC 140.2} GCth17 117.4

ในช่วงเวลานี้ลูเธอร์อ่านผลงานของฮัสและพบความจริงยิ่งใหญ่ในเรื่องการทำให้ชอบธรรมโดยความเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขากำลังพากเพียรเพื่อยึดถือและสอน เป็นคำสอนตรงกับที่นักปฏิรูปชาวโบฮีเมียนผู้นี้ยึดถือไว้ก่อนแล้ว ลูเธอร์กล่าวว่า “พวกเรารวมทั้งเปาโล ออกัสตินและตัวข้าพเจ้าล้วนเป็นชาวฮัสนิยมมาตลอดโดยไม่รู้ตัว” ลูเธอร์กล่าวต่อไปว่า “พระเจ้าจะเสด็จมาเยือนโลกนี้อย่างแน่นอน เพราะมีผู้เทศนาเรื่องนี้แก่ชาวโลกเมื่อหนึ่งศตวรรษที่แล้วและถูกเผาสังเวยไป” Wylie เล่มที่ 6 บทที่ 1 {GC 140.3} GCth17 118.1

ในคำอุทธรณ์ที่เขียนไปถึงจักรพรรดิและขุนนางของประเทศเยอรมนีในนามของการปฏิรูปศาสนาคริสต์นั้น ลูเธอร์เขียนถึงเรื่องของพระสันตะปาปาว่า “เป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัวเพียงไรที่มองดูมนุษย์คนนั้นอุปโลกน์ตัวเองให้เป็นผู้แทนของพระคริสต์ แสดงความยิ่งใหญ่ตระการตาที่ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดจะเสมอเหมือน บุคคลท่านนี้มีลักษณะเหมือนพระเยซูผู้ยากจนหรือเปโตรผู้ถ่อมตนหรือไม่ พวกเขาพูดกันว่าเขาเป็นเจ้านายของโลก แต่พระคริสต์ ผู้ที่บุคคลท่านนี้อ้างว่าเป็นตัวแทนของพระองค์ ตรัสว่า “ราชอำนาจของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ยอห์น 18:36 อาณาบริเวณการปกครองของผู้แทนพระคริสต์จะครอบคลุมเกินกว่าอาณาเขตของเจ้านายผู้ทรงเป็นหัวหน้าของเขารึ” D’Aubigné เล่มที่ 6 บทที่ 3 {GC 140.4} GCth17 118.2

เขาเขียนถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ไว้เช่นนี้ว่า “ ข้าพเจ้าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ จะกลายเป็นประตูทางเข้าของนรก นอกเสียจากว่าพวกเขาจะพากเพียรเพื่ออธิบายและจารึกพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในหัวใจของเยาวชน ข้าพเจ้าไม่ขอแนะนำให้ผู้ใดเอาบุตรของตนไปอยู่ในที่ๆ พระคัมภีร์ไม่ใช่เป็นผู้ปกครองหลัก สถาบันทุกแห่งที่มนุษย์ไม่ใส่ใจในพระวจนะของพระเจ้าตลอดเวลาจะตกต่ำไปสู่ความชั่วช้าเลวทราม” Ibid. เล่มที่ 6 บทที่ 3 {GC 140.5} GCth17 118.3

คำอุทธรณ์นี้แพร่กระจายไปทั่วประเทศเยอรมนีอย่างรวดเร็วและส่งอิทธิพลอย่างมากต่อประชาชน คนทั้งประเทศถูกปลุกขึ้นมาและฝูงชนจำนวนมากถูกกระตุ้นเพื่อรวมกำลังไปอยู่รอบธงชัยของการปฏิรูป ผู้ต่อต้านลูเธอร์เดือดดาลด้วยความต้องการแก้แค้น พวกเขาเรียกร้องให้พระสันตะปาปาจัดการขั้นเด็ดขาดกับเขา มีคำสั่งประกาศว่าให้ประณามคำสอนของเขาทันที ให้เวลาหกสิบวันแก่นักปฏิรูปและพรรคพวกให้ถอนคำพูด หากพ้นกำหนดนี้แล้วจะถูกบัพพาชนียกรรม {GC 141.1} GCth17 118.4

นั่นเป็นวิกฤตอันน่าโหดร้ายสำหรับนักปฏิรูปศาสนาคนนี้ เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่คำสั่งบัพพาชนียกรรมของโรมสร้างความหวาดผวาแก่เหล่าราชวงศ์ที่มีอำนาจ เป็นคำสั่งที่นำความวิบัติและความหายนะมาสู่อาณาจักรยิ่งใหญ่มากมาย คนทั่วไปจะถือเป็นเรื่องน่ากลัวและหวาดหวั่นหากผู้ใดได้รับคำสาปเช่นนี้ พวกเขาจะถูกตัดขาดจากการคบค้าสมาคมกับเพื่อนร่วมชาติและถูกปฏิบัติเยี่ยงคนนอกกฎหมายและถูกตามล่าล้างผลาญ ลูเธอร์ตระหนักดีถึงพายุที่กำลังโหมกระหน่ำมาใส่เขา แต่เขายืนหยัดอย่างมั่นคงวางใจในพระคริสต์เพื่อสนับสนุนและปกป้องเขา ด้วยความเชื่อและความกล้าหาญของผู้ยอมสังเวยชีพ เขาบันทึกไว้ว่า “สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ข้าพเจ้าไม่อาจบอกได้ และข้าพเจ้าก็ไม่สนใจเช่นกันที่จะกลัว ให้มันเกิด ณ สถานที่ใดก็ได้ เพราะข้าพเจ้าปราศจากความกลัว GCth17 118.5

ไม่มีใบไม้แม้แต่เพียงหนึ่งใบที่ร่วงโดยที่ไม่ใช่พระประสงค์ของพระบิดา เช่นนั้นแล้วพระองค์จะทรงดูแลพวกเรามากกว่านี้เพียงไร เป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะตายเพื่อพระวจนะ ในเมื่อพระวจนะที่ทรงบังเกิดเป็นเนื้อหนังเองทรงสิ้นพระชนม์แล้ว หากเราตายไปกับพระองค์ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ และดำเนินชีวิตผ่านสิ่งที่พระองค์ทรงดำเนินผ่านไปก่อนพวกเรา เราจะไปอยู่ในที่ๆ พระองค์ทรงอยู่และอยู่ร่วมกับพระองค์ตลอดไป” Ibid. 3d London ed., Walther, 1840 เล่มที่ 6 บทที่ 9 {GC 141.2} GCth17 119.1

เมื่อสาส์นตราตั้งของระบอบเปปาซีมาถึงลูเธอร์ เขาพูดว่า “ข้าพเจ้าชังและตำหนิคำสั่งนี้ว่าไร้จริยธรรมและเป็นความเท็จ.....คำสั่งนี้เป็นการประณามองค์พระคริสต์.....ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่ต้องมาแบกรับความเลวเช่นนี้เพื่อผลดีที่สุดของอุดมการณ์นี้ บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกมีเสรีภาพมากขึ้นในหัวใจเพราะในที่สุดข้าพเจ้าทราบดีว่าพระสันตะปาปาเป็นพระคริสต์เทียมเท็จและบัลลังก์ของพระองค์นั้นเป็นของซาตานเอง” D’Aubigné เล่มที่ 6 บทที่ 9 {GC 141.3} GCth17 119.2

อย่างไรก็ตามคำสั่งของโรมไม่ใช่ไร้ผล ห้องขัง การทรมานและดาบเป็นอาวุธอย่างรุนแรงที่จะบังคับให้ปฏิบัติตาม คนอ่อนแอและคนที่เชื่องมงายต่างกลัวจนตัวสั่นอยู่ภายใต้คำสั่งของพระสันตะปาปา และแม้ว่าโดยทั่วไปจะมีความเห็นอกเห็นใจลูเธอร์ก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ถือว่าชีวิตตนเองมีค่ามากเกินกว่าที่จะเข้าเสี่ยงกับอุดมการณ์ของการปฏิรูป ทุกสิ่งบ่งบอกว่างานการปฏิรูปศาสนากำลังจะปิดฉากลง {GC 142.1} GCth17 119.3

แต่ลูเธอร์ก็ยังไม่กลัว โรมโยนคำประณามใส่ลูเธอร์และโลกก็จ้องมองเหตุการณ์นี้ ไม่น่าสงสัยเลยว่าเขาจะต้องพินาศหรือไม่ก็ถูกบังคับให้ยอมจำนน แต่ด้วยพละกำลังอันเหลือเชื่อ เขาโยนคำสั่งตัดสินประหารกลับไปใส่พระสันตะปาปาและเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงความตั้งใจที่จะละทิ้งความเคารพต่อองค์พระสันตะปาปาตลอดไป ลูเธอร์นำสาส์นตราตั้งของพระสันตะปาปาพร้อมทั้งกฎระเบียบทางวินัยศาสนา กฎระเบียบของพระสันตะปาปาในเรื่องของศาสนาและเอกสารบางอย่างที่สนับสนุนอำนาจของระบอบเปปาซีมาเผาต่อหน้ากลุ่มนักศึกษา ดุษฎีบัณฑิตทั้งหลายและประชาชนทุกระดับชั้นที่มาชุมนุม เขากล่าวว่า “ศัตรูของข้าพเจ้าเผาหนังสือของข้าพเจ้าเพื่อทำร้ายอุดมการณ์ของสัจธรรมในสมองของประชาชนและทำลายจิตวิญญาณของพวกเขา ด้วยเหตุผลนี้ข้าพเจ้าก็ขอเผาหนังสือของพวกเขาเป็นการตอบแทน ความขัดแย้งที่รุนแรงกำลังเริ่มต้นขึ้น จนถึงบัดนี้ข้าพเจ้าเพียงแค่เล่นกับพระสันตะปาปา ข้าพเจ้าเริ่มงานนี้ในพระนามของพระเจ้า งานนี้จะถูกทำให้สิ้นสุด เสร็จสิ้นโดยไม่มีข้าพเจ้าแต่โดยฤทธานุภาพของพระองค์” Ibid. เล่มที่ 6 บทที่ 10 {GC 142.2} GCth17 119.4

ลูเธอร์ตอบโต้คำตำหนิของศัตรูทั้งหลายที่เหน็บแนมเขาถึงจุดอ่อนของอุดมการณ์ของเขาว่า “ใครจะรู้ได้ว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเลือกและทรงเรียกข้าพเจ้า และหากพวกเขาไม่กลัวแล้ว โดยการดูแคลนข้าพเจ้า พวกเขาก็กำลังดูแคลนพระเจ้าเองมิใช่หรือ โมเสสอยู่ตัวคนเดียวขณะเดินทางออกจากประเทศอียิปต์ เอลียาห์อยู่เพียงลำพังในสมัยกษัตริย์อาหับครองราชสมบัติ อิสยาห์อยู่คนเดียวในกรุงเยรูซาเล็ม เอเสเคียลอยู่ตามลำพังที่กรุงบาบิโลน.....พระเจ้าไม่ทรงเคยเลือกผู้เผยพระวจนะไม่ว่าจากมหาปุโรหิตหรือบุคคลยิ่งใหญ่อื่น แต่โดยทั่วไปพระองค์ทรงเลือกคนที่ต่ำต้อยและถูกเหยียดหยามซึ่งครั้งหนึ่งทรงเลือกแม้กระทั่งคนเลี้ยงแกะอย่างอาโมส ในทุกยุค คนของพระเจ้าจะต้องตำหนิผู้ยิ่งใหญ่ เช่นพระราชา ขุนนาง ปุโรหิต และนักปราชญ์ด้วยการเสี่ยงภัยต่อชีวิต.....ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นผู้เผยพระวจนะ แต่ข้าพเจ้าบอกว่าพวกเขาจะต้องเกรงกลัวอย่างแน่นอนเพราะว่าข้าพเจ้ามีเพียงคนเดียวและพวกเขามีคนมากมาย ข้าพเจ้ามั่นใจในข้อนี้ว่าพระวจนะของพระเจ้าสถิตอยู่กับข้าพเจ้าและไม่ได้อยู่กับพวกเขา” Ibid. เล่มที่ 6 บทที่ 10 {GC 142.3} GCth17 120.1

แต่ถึงกระนั้น ลูเธอร์ต้องต่อสู้กับตนเองอย่างรุนแรงในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะแยกตัวออกจากคริสตจักร ในช่วงเวลานี้เขาบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าตระหนักมากขึ้นในแต่ละวันถึงความลำบากที่จะต้องละทิ้งหลักธรรมที่ฝังในสมองมาตั้งแต่เด็ก โอ มันช่างเจ็บปวดกระไรปานนั้น แม้ข้าพเจ้ามีพระคัมภีร์อยู่เคียงข้างข้าพเจ้า เพื่อรับรองแก่ข้าพเจ้าให้กล้ายืนหยัดตามลำพังต่อต้านพระสันตะปาปาและจับได้ว่าเขาเป็นพระคริสต์เทียมเท็จ มีความทุกข์ลำบากในใจอะไรบ้างที่ข้าพเจ้าไม่ได้ประสบ มีสักกี่ครั้งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามตนเองด้วยความขมขื่นถึงคำถามที่ติดอยู่บนริมฝีปากของบรรดาผู้นิยมระบอบเปปาซีว่า ‘มีเจ้าเพียงผู้เดียวที่ฉลาดหรือ คนอื่นเป็นฝ่ายผิดหรือ จะเป็นเช่นไร หากในที่สุดตัวเจ้าเองที่เป็นฝ่ายผิดและทำให้จิตวิญญาณมากมายที่ยุ่งเกี่ยวกับความผิดของเจ้าต้องพินาศไปตลอดกาล’ ข้าพเจ้าต่อสู้เช่นนี้กับตัวเองและกับซาตานจนพระคริสต์เสด็จมาเสริมกำลังหัวใจของข้าพเจ้าเพื่อต่อสู้กับข้อสงสัยเหล่านี้” Martyn หน้า 372, 373 {GC 143.1} GCth17 120.2

พระสันตะปาปาข่มขู่ลูเธอร์ว่าหากเขาไม่ถอนคำพูดจะถูกบัพพาชนียกรรม และบัดนี้คำขู่นั้นก็เกิดขึ้นจริง มีคำสั่งของพระสันตะปาปาฉบับใหม่ปรากฏออกมา ประกาศเรื่องการตัดนักปฏิรูปออกจากคริสตจักรโรมันเป็นครั้งสุดท้าย ประณามเขาว่าเป็นผู้ที่ถูกสวรรค์แช่งสาปและยังรวมถึงทุกคนที่รับเชื่อหลักคำสอนของเขาก็ได้รับคำตัดสินเช่นนี้ด้วย พวกเขาก้าวเข้าสู่การต่อสู้ยิ่งใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว {GC 143.2} GCth17 120.3

การต่อต้านเป็นชะตากรรมซึ่งเกิดขึ้นกับทุกคนที่พระเจ้าทรงใช้ให้เสนอความจริงโดยเฉพาะที่ประยุกต์ใช้กับยุคของพวกเขา ยุคสมัยของลูเธอร์มีความจริงสำหรับในยุคนั้น ซึ่งเป็นความจริงที่สำคัญสำหรับเวลานั้น มีความจริงแห่งยุคสำหรับคริสตจักรในปัจจุบันนี้ด้วย พระองค์ผู้ทรงกระทำการตามคำแนะนำของพระประสงค์ของพระองค์จะทรงพอพระทัยที่จะนำมนุษย์ไปอยู่ในสภาวการณ์ต่างๆ และบัญชาให้พวกเขารับหน้าที่พิเศษสำหรับยุคที่พวกเขามีชีวิตอยู่และภายใต้สภาพที่พวกเขาถูกใช้ให้ไป หากพวกเขาจะซาบซึ้งในคุณค่าของความกระจ่างที่ประทานให้แก่พวกเขา สัจธรรมอันยิ่งใหญ่ก็จะถูกเปิดออกแก่พวกเขา แต่คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่ปรารถนาสัจธรรมมากไปกว่าพวกนิยมระบอบเปปาซีที่ต่อต้านลูเธอร์ พวกเขามีความปรารถนาแบบเดียวกันที่จะรับทฤษฎีและธรรมเนียมของมนุษย์แทนพระวจนะของพระเจ้าเหมือนเช่นสมัยก่อน ผู้ที่นำเสนอความจริงสำหรับยุคนี้ไม่ควรคาดหวังที่จะได้รับความพึงพอใจที่มากไปกว่านักปฏิรูปในอดีตที่ผ่านมา ความขัดแย้งยิ่งใหญ่ระหว่างสัจธรรมกับความเท็จ ระหว่างพระคริสต์และซาตานจะต้องเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นจนถึงวันปิดฉากประวัติศาสตร์ของโลก {GC 143.3} GCth17 121.1

พระเยซูตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้โลกจึงเกลียดชังท่าน จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า ‘บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกท่านด้วย ถ้าเขาปฏิบัติตามคำของเรา พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย” ยอห์น 15:19, 20 และในอีกทางหนึ่งพระเจ้าทรงประกาศอย่างชัดเจนว่า “วิบัติเมื่อทุกคนบอกว่าท่านดี เพราะบรรพบุรุษของเขาก็ทำอย่างนั้นกับพวกผู้เผยพระวจนะเท็จเหมือนกัน” ลูกา 6:26 ในวันนี้ วิญญาณของโลกเข้าประสานกับพระวิญญาณของพระคริสต์ไม่ได้มากไปกว่าในสมัยอดีต และในเวลานี้ผู้ที่เทศนาสอนพระวจนะของพระเจ้าอย่างบริสุทธิ์ถูกต้องจะไม่ได้รับความชื่นชอบมากไปกว่าในสมัยนั้น รูปแบบของการต่อต้านสัจธรรมอาจเปลี่ยนไป ความเป็นศัตรูกันอาจไม่โจ่งแจ้งเพราะปกปิดได้ดียิ่งขึ้น แต่ความขัดแย้งแบบเดียวกันยังคงมีอยู่และจะปรากฏให้เห็นจนถึงยุคสุดปลาย {GC 144.1} GCth17 121.2

*****