เคล็ดลับแห่งความสุข

11/14

10. รู้จักพระเจ้า

พระเจ้าทรงใช้วิธีมากมายเพื่อนำให้เรามารู้จักพระองค์และนำเราให้เข้ามาสื่อสัมพันธ์กับพระองค์ ธรรมชาติไม่เคยหยุดเตือนความรู้สึกของเรา จิตใจที่เปิดกว้างจะซาบซึ้งในความรักและพระสิริของพระเจ้าที่เปิดเผยผ่านพระหัตถกิจของพระองค์ หูที่ตั้งใจฟังจะได้ยินและเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้สื่อผ่านสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทุ่งนาเขียวชอุ่ม ต้นไม้สูงตระหง่าน ดอกตูมและดอกบาน ก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปมา สายฝนที่ตกลงมา เสียงน้ำไหลของลำธาร รัศมีเจิดจ้าของท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนพูดกับจิตใจของเราและเชิญชวนให้เรามาทำความรู้จักกับพระผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น {SC 85.1} ThSC 77.1

พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงนำบทเรียนอันมีค่าของพระองค์มาเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ ต้นไม้ นก ดอกไม้ในหุบเขา เนินเขา ทะเลสาบ และท้องฟ้าที่สวยงาม รวมทั้งเหตุการณ์และสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของเรา พระองค์นำสิ่งเหล่านี้มาเชื่อมต่อกับพระวจนะแห่งความจริง เพื่อเราจะจดจำบทเรียนต่างๆ ของพระองค์อยู่เสมอ แม้ในช่วงเวลาที่เรากำลังยุ่งอยู่กับภารกิจในชีวิตของเราก็ตาม {SC 85.2} ThSC 77.2

พระเจ้าทรงประสงค์ให้บุตรทั้งหลายของพระองค์สำนึกถึงคุณค่าในพระหัตถกิจของพระองค์และชื่นชมกับความงามอันเรียบง่ายและสงบเงียบที่พระองค์ทรงใช้ประดับบ้านของเราในโลกนี้ พระองค์ทรงรักความสวยงาม และเหนือความงดงามภายนอกใดๆ พระองค์ทรงโปรดปรานอุปนิสัยที่งดงามมากยิ่งกว่า พระองค์ทรงประสงค์ให้เราบ่มเพาะนิสัยที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย ซึ่งเป็นเหมือนความงดงามที่เรียบง่ายของดอกไม้ทั้งปวง {SC 85.3} ThSC 78.1

ถ้าหากเราเพียงแต่ยอมฟัง สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างจะสอนบทเรียนแห่งการเชื่อฟังและการวางใจที่มีคุณค่ายิ่งให้แก่เรา นับตั้งแต่ดวงดาวบนท้องนภาที่โคจรไปในอวกาศตามเส้นทางของมันจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่งโดยที่ดวงดาวเหล่านั้นไม่มีลู่ทางให้มันเดิน จนถึงอะตอมขนาดเล็กที่สุด ทุกสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติเชื่อฟังตามพระบัญชาของพระผู้สร้าง และพระเจ้าทรงใส่พระทัยทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง และพระองค์ทรงบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้น พระองค์ทรงค้ำจุนโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล และในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงใส่พระทัยต่อความต้องการของนกกระจอกสีน้ำตาลตัวน้อยๆ ที่ร้องเพลงอย่างแผ่วเบาโดยปราศจากความกลัว พระบิดาบนสวรรค์ทรงเฝ้ามองดูมนุษย์ทั้งหลายด้วยความเอ็นดู ขณะที่พวกเขาออกทำงานตรากตรำของชีวิตประจำวัน ในขณะที่พวกเขาเข้าร่วมอธิษฐานอยู่ เมื่อพวกเขานอนลงในยามค่ำคืน และลุกขึ้นในเวลาเช้า เมื่อคนร่ำรวยเลี้ยงฉลองกันในคฤหาสน์ หรือเมื่อคนยากจนกับลูกๆ นั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารที่มีอาหารแต่เพียงเล็กน้อย ไม่มีหยาดน้ำตาใดที่ไหลรินออกมาโดยที่พระเจ้าไม่ได้สังเกต ไม่มีรอยยิ้มใดที่พระองค์ไม่ได้เห็น {SC 85.4} ThSC 78.2

หากเราจะเชื่อเช่นนี้ด้วยความเต็มใจแล้ว เราก็จะขจัดความกังวลที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปได้ ชีวิตของเราก็จะไม่เต็มไปด้วยความผิดหวังเหมือนกับสภาพที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะทุกสิ่ง ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กน้อยสักเพียงใด จะจัดวางไว้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ความกังวลใจมากมายหลากหลายและภาระที่หนักจะไม่ไปรบกวนพระองค์ แล้วจิตวิญญาณของเราจะได้ชื่นชมกับการพักผ่อนซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนมากมายมาช้านาน {SC 86.1} ThSC 79.1

เมื่อท่านรู้สึกประทับใจกับความสวยงามที่ดึงดูดใจของโลกนี้แล้ว ขอให้ท่านลองคิดถึงโลกที่กำลังจะมาถึงในภายภาคหน้า ซึ่งเป็นโลกที่ไม่เคยประสบกับความหายนะของบาปและความตาย ไม่มีเงามืดแห่งคำแช่งสาปบดบังพื้นผิวของธรรมชาติ ให้ท่านจินตนาการถึงบ้านที่บรรดาคนที่ได้รับความรอดจะไปอยู่อาศัย และขอให้ท่านจดจำไว้ว่า บ้านหลังนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าจิตนาการที่ดีที่สุดของเราจะคิดพรรณนาขึ้นมาได้ จากของประทานมากมายของพระเจ้าที่มีอยู่ในธรรมชาติ เรามองเห็นพระสิริของพระเจ้าได้แค่เพียงเลือนรางเท่านั้น พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” 1 โครินธ์ 2:9 {SC 86.2} ThSC 79.2

กวีและนักธรรมชาติวิทยามีเรื่องราวมากมายที่จะพูดถึงธรรมชาติ แต่มีเพียงคริสเตียนเท่านั้นที่จะชื่นชมกับความงดงามของโลกด้วยความซาบซึ้งใจที่สุด เพราะพวกเขามองเห็นพระหัตถกิจของพระบิดาและรับรู้ถึงความรักของพระองค์ที่มองเห็นได้ในดอกไม้ พุ่มไม้และต้นไม้ ไม่มีผู้ใดจะเข้าใจความสำคัญของเนินเขาและหุบเขา แม่น้ำและทะเลได้อย่างเต็มที่ โดยที่เขามองไม่เห็นว่า สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่พระเจ้าทรงมีไว้ให้แก่มนุษย์ {SC 87.1} ThSC 79.3

พระเจ้าตรัสกับเราโดยผ่านทางพระราชกิจของพระองค์และโดยผ่านทางอิทธิพลของพระวิญญาณที่มีต่อจิตใจ ในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวของเรา ในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวของเรา หากเราจะเปิดใจกว้างเพื่อเข้าใจสิ่งเหล่านั้น เราจะรับบทเรียนอันมีค่ามากมาย เมื่อผู้ประพันธ์สดุดีได้ติดตามพระราชกิจแห่งการทรงนำของพระเจ้า พระองค์ได้ตรัสว่า “แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์” “ผู้ใดมีปัญญาก็ให้เขาฟังสิ่งเหล่านี้ ให้เขาพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์” สดุดี 33:5; 107:43 {SC 87.2} ThSC 79.4

พระเจ้าตรัสกับเราโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์ ในพระวจนะซึ่งได้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เราทราบถึงพระอุปนิสัยของพระองค์ วิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์และพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของการไถ่ให้รอด พระวจนะนี้ทำให้เรามองเห็นประวัติศาสตร์ของเหล่าปิตุลาและผู้เผยพระวจนะและผู้ชอบธรรมของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในอดีต พวกเขา “เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนอย่างเรา” ยากอบ 5:17 เราเห็นเขาเหล่านั้นต่อสู้กับความท้อแท้เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเรา เห็นพวกเขาพ่ายแพ้ต่อการทดลองเหมือนกับที่เราประสบ แต่ถึงกระนั้น พวกเขากลับใจและได้รับชัยชนะโดยพระคุณของพระเจ้า และด้วยการมองไปยังคนเหล่านี้ เราจะได้กำลังใจในการปล้ำสู้เพื่อความชอบธรรม ในขณะที่เราอ่านเรื่องของประสบการณ์อันมีค่าที่ทรงโปรดประทานให้แก่พวกเขา เรื่องของแสงสว่างและความรักและพระพรที่พวกเขาชื่นชอบ และผลงานที่เขาทำโดยพระคุณที่ทรงโปรดประทานให้นั้น พระวิญญาณที่ทรงดลใจเขาเหล่านั้นจะจุดประกายขึ้นในจิตใจของเรา เพื่อให้พวกเราทำตามสิ่งที่บริสุทธิ์ และทำให้เราต้องการมีอุปนิสัยเหมือนเช่นพวกเขา นั่นคือ ดำเนินร่วมไปกับพระเจ้าเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาแล้ว {SC 87.3} ThSC 80.1

พระเยซูตรัสถึงพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่า “พระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา” ยอห์น 5:39 และพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวถึงพระองค์มากกว่าพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พระคัมภีร์กล่าวถึงองค์พระผู้ไถ่ ผู้ทรงเป็นศูนย์กลางของความหวังแห่งชีวิตนิรันดร์ของเรา พระคัมภีร์ทั้งเล่มกล่าวถึงพระคริสต์ เริ่มตั้งแต่บันทึกครั้งแรกสุดเกี่ยวกับการทรงสร้างโลกที่กล่าวว่า “ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้นไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ” ยอห์น 1:3 จนถึงพระสัญญาสุดท้ายในพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้” วิวรณ์ 22:12 เรากำลังอ่านพระราชกิจของพระองค์และคอยฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หากท่านต้องการรู้จักพระผู้ช่วยให้รอด ก็ขอให้ท่านศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์ {SC 88.1} ThSC 80.2

จงเอาพระวจนะของพระเจ้าเติมเข้าไปในจิตใจของเราให้เต็มล้น พระวจนะของพระเจ้าเป็นเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตที่ดับความกระหาย พระวจนะของพระเจ้าเป็นอาหารแห่งชีวิตที่มาจากสวรรค์ พระเยซูทรงประกาศว่า “ถ้าท่านไม่ได้กินเนื้อและไม่ได้ดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์ ก็จะไม่มีชีวิตในตัวท่าน” แล้วพระองค์ทรงอธิบายความหมายของข้อความเหล่านี้ด้วยการตรัสว่า “ถ้อยคำที่เรากล่าวกับพวกท่านมาจากพระวิญญาณและเป็นชีวิต” ยอห์น 6:53, 63 ร่างกายของเราสร้างมาจากสิ่งที่เรารับประทานและดื่มเข้าไป ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณมีลักษณะคล้ายคลึงชีวิตทางฝ่ายกาย สิ่งที่เรานำมาไตร่ตรองจะสร้างสมรรถภาพและพละกำลังให้แก่จิตวิญญาณของเรา {SC 88.2} ThSC 81.1

การไถ่ให้รอดเป็นหัวข้อที่บรรดาเหล่าทูตสวรรค์ปรารถนาจะติดตาม หัวข้อนี้จะเป็นศาสตร์และบทเพลงของบรรดาผู้ที่ได้รับความรอดตลอดทุกยุคสมัยอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เรื่องนี้ไม่มีค่าเพียงพอที่จะไตร่ตรองและศึกษาอย่างระมัดระวังในปัจจุบันนี้หรือ พระเมตตาคุณและความรักของพระเยซูอันไม่มีขอบเขต การเสียสละที่พระองค์ทรงกระทำให้แก่เรา เชิญชวนให้เราไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังและเคร่งขรึมที่สุด เราจะต้องไตร่ตรองถึงพระลักษณะขององค์พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ทรงเป็นทนายที่รักของเรา เราจะต้องเพ่งพินิจถึงพันธกิจของพระองค์ที่เสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นจากบาปของเขา ในขณะที่เราใคร่ครวญเรื่องที่มาจากสวรรค์ ความเชื่อและความรักที่มีอยู่ในตัวของเราก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น และพระเจ้าจะทรงยอมรับคำอธิษฐานของเรามากยิ่งขึ้น เพราะคำอธิษฐานนั้นจะประกอบด้วยความเชื่อและความรักที่เด่นชัดขึ้น พวกเขาจะมีปัญญาและมีความร้อนรน จะมีความวางใจในพระเยซูได้แน่วแน่มากยิ่งขึ้น และในทุกๆ วัน พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์ชีวิตโดยอาศัยอำนาจแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ที่ทรงนำทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระเยซู {SC 88.3} ThSC 81.2

เมื่อเราใคร่ครวญถึงความดีรอบคอบขององค์พระผู้ช่วยให้รอด เราก็ปรารถนาที่จะรับการเปลี่ยนแปลงและรับการสร้างใหม่อย่างหมดสิ้นในพระฉายาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ จิตวิญญาณจะหิวกระหายที่จะเป็นเหมือนพระองค์ที่เรารักบูชา เมื่อเรานึกคิดถึงพระคริสต์มากขึ้นเพียงไร เราก็จะกล่าวถึงพระองค์ให้ผู้อื่นฟังและเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น {SC 89.1} ThSC 82.1

พระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่ได้เขียนให้ผู้คงแก่เรียนเท่านั้น ในทางกลับกัน พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้คนสามัญทั่วไป ด้วยความจริงยิ่งใหญ่ที่จำเป็นต่อความรอดนั้นแจ่มแจ้งชัดเจนดังเช่นเวลาเที่ยงวัน และจะไม่มีผู้ใดเข้าใจผิดและหลงทางไปได้ นอกจากผู้ที่ทำตามความคิดของตนเองแทนพระประสงค์ของพระเจ้าที่ได้ทรงเปิดเผยไว้อย่างชัดเจน {SC 89.2} ThSC 82.2

เราจะต้องไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นมากเท่ากับการเชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์สอน แต่เราจะต้องศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยตนเอง หากเราปล่อยให้คนอื่นคิดแทนเรา พลังความคิดของเราจะพิการไปและความสามารถของเราก็จะหดหายไป พลังสมองอันประเสริฐจะแคระแกร็นเพราะขาดการฝึกฝนในหัวข้อที่มีคุณค่าซึ่งต้องเอาใจใส่จนทำให้ความสามารถในการเข้าใจความหมายลึกซึ้งในพระวจนะของพระเจ้าขาดหายไป ความนึกคิดจะเพิ่มพูนขึ้นถ้านำไปใช้เพื่อติดตามความสัมพันธ์ของเรื่องต่างๆ ในพระคัมภีร์ โดยเปรียบเทียบข้อพระคัมภีร์ด้วยข้อพระคัมภีร์ และเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณด้วยเรื่องของฝ่ายวิญญาณ {SC 89.3} ThSC 82.3

ไม่มีสิ่งใดที่จะเสริมสร้างสติปัญญาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ดีกว่าการศึกษาพระคัมภีร์ ไม่มีหนังสือเล่มใดที่มีอำนาจในการยกระดับความคิด สร้างความกระชุ่มกระชวยให้แก่สติปัญญาได้ดีเท่ากับความจริงอันกว้างขวางและสูงส่งของพระคัมภีร์ ถ้าหากทุกคนจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างที่เขาควรจะทำแล้ว มนุษย์จะมีความคิดที่เปิดกว้าง มีอุปนิสัยที่สง่างาม และมีความมุ่งหมายมั่นคงที่มีให้เห็นน้อยมากในยุคนี้ {SC 90.1} ThSC 82.4

แต่การอ่านพระคัมภีร์อย่างรีบเร่งจะให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย บางคนอ่านพระคัมภีร์จนจบเล่ม แต่มองไม่เห็นความงดงามและไม่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใน การศึกษาพระคัมภีร์เพียงตอนหนึ่งจนกระทั่งสมองเข้าใจความสำคัญของพระคัมภีร์ข้อนั้นอย่างชัดเจน และมองเห็นหลักฐานที่สัมพันธ์กับแผนการแห่งความรอด จะมีค่ามากยิ่งกว่าการอ่านหลายบทโดยไม่มีเป้าหมายแน่นอนและไม่ได้รับคำสอนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ขอให้ท่านนำพระคัมภีร์ติดตัวไว้เสมอ เมื่อมีโอกาส ให้เปิดอ่าน ใส่ข้อพระคัมภีร์เข้าไปในความจำของท่าน แม้ในขณะที่เดินอยู่ตามถนน ท่านอาจจะอ่านพระคัมภีร์สักตอนหนึ่งและใคร่ครวญถึงตอนนั้น การทำเช่นนี้จะทำให้สมองจดจำข้อพระคัมภีร์ได้ดี {SC 90.2} ThSC 83.1

การไม่ใส่ใจศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจังและการไม่อธิษฐานจะทำให้เราไม่ได้รับปัญญา มีพระคัมภีร์บางตอนที่กล่าวไว้ชัดเจนมากจนไม่มีทางที่จะเข้าใจผิดได้ แต่ก็มีพระคัมภีร์หลายตอนที่ไม่ได้มีความหมายอย่างผิวเผินที่จะให้เราเข้าใจได้ด้วยการมองแค่เพียงผ่านตา เราจะต้องเอาข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งมาเปรียบเทียบกับข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่ง เราจะต้องค้นคว้าอย่างเอาใจใส่และไตร่ตรองคิดคำนึงด้วยการอธิษฐาน และการศึกษาเช่นนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า คนทำเหมืองได้ค้นพบสายแร่อันมีค่าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผิวโลกเช่นไร ผู้ที่ศึกษาค้นหาพระวจนะของพระเจ้าด้วยความพากเพียรเหมือนเช่นการค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้จะพบความจริงล้ำค่าที่สุดเช่นเดียวกัน เป็นความจริงซึ่งถูกปกปิดจากสายตาของผู้ที่แสวงหาอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อจิตใจไตร่ตรองพระวจนะที่ได้รับการดลใจ พระวจนะนั้นก็จะเป็นธารน้ำที่ไหลออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิต {SC 90.3} ThSC 83.2

อย่าศึกษาพระคัมภีร์โดยไม่อธิษฐาน ก่อนที่จะเปิดหน้าพระคัมภีร์ เราจะต้องทูลขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานความกระจ่างแก่เรา และพระองค์จะประทานให้ เมื่อนาธานาเอลมาหาพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า “นี่แหละ ชาวอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย” นาธานาเอลทูลถามว่า “ท่านรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน” ยอห์น 1:47,48 และพระเยซูจะทรงทอดพระเนตรเราในที่ลี้ลับแห่งการอธิษฐานด้วยเช่นกันหากเราจะแสวงหาพระองค์เพื่อขอแสงสว่างที่เราจะได้รู้ว่าความจริงคืออะไร ทูตสวรรค์ที่มาจากโลกแห่งความสว่างจะอยู่ร่วมกับผู้ที่แสวงหาการทรงนำของพระเจ้าด้วยจิตใจที่ถ่อมตน {SC 91.1} ThSC 83.3

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเชิดชูและถวายเกียรติพระผู้ช่วยให้รอด พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเสนอพระคริสต์ ความชอบธรรมอันบริสุทธิ์ของพระองค์และความรอดยิ่งใหญ่ที่เราจะได้รับโดยทางพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “พระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาแจ้งแก่พวกท่าน” ยอห์น 16:14 พระวิญญาณแห่งความจริงทรงเป็นพระอาจารย์ผู้สอนเรื่องของพระเจ้าได้อย่างเกิดผลเพียงพระองค์เดียว พระเจ้าทรงประเมินค่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์มากเพียงไรในการที่พระองค์ได้ประทานพระบุตรของพระองค์ให้เสด็จมาสิ้นพระชนม์เพื่อเขาและทรงบัญชาพระวิญญาณของพระองค์ให้เสด็จมาเป็นพระอาจารย์และพระผู้ทรงนำของมนุษย์ตลอดไป {SC 91.2} ThSC 84.1