อุทาหรณ์จากคำสอนของพระคริสต์

12/62

บทที่ 5 - “เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง”

อ้างจากมัทธิว 13:31-32 มาระโก 4:30—32 ลูกา 13:18—19

ในบรรดาฝูงชนที่ฟังคำสอนของพระคริสต์ มีฟาริสีอยู่เป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้มองด้วยความเหยียดหยามว่า ผู้ฟังจำนวนน้อยยอมรับว่าพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ได้อย่างไร และพวกเขาก็ถามคำถามกับตนเองว่าครูผู้ไม่โอ้อวดท่านนี้ จะนำอิสราเอลครอบครองโลกได้อย่างไร เขาจะจัดตั้งอาณาจักรใหม่โดยไม่มีเงินทอง อำนาจ หรือเกียรติยศได้อย่างไร พระคริสต์ทรงอ่านความคิดของพวกเขาและตอบว่า {COL 76.1} COLTh 49.1

แผ่นดินของพระเจ้าจะเปรียบเหมือนสิ่งใด หรือจะแสดงด้วยอุปมาอย่างไร” สำหรับการปกครองทางโลก ไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาเปรียบเทียบได้ ไม่มีสังคมทางการเมืองใดที่พระองค์ทรงนำมาใช้เป็นตัวอย่างได้ พระองค์ตรัสว่า ก็เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ตอนที่เพาะลงในดิน ก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วแผ่นดิน แต่เมื่อเพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่กว่าผักทั้งปวง และแตกกิ่งก้านใหญ่พอให้นกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ในร่มนั้นได้” มาระโก 4:30-32 {COL 76.2} COLTh 49.2

ต้นอ่อนในเมล็ดเติบโตโดยเปิดเผยกฎแห่งชีวิตที่พระเจ้าทรงปลูกฝังไว้ออกมา การเจริญเติบโตของมันไม่ได้พึ่งอำนาจของมนุษย์ แผ่นดินของพระคริสต์ก็เช่นกัน เป็นสิ่งที่เนรมิตสร้างใหม่ หลักของพัฒนาการนี้แตกต่างไปจากกฎเกณฑ์ของอาณาจักรทั้งหลายในโลกนี้ รัฐบาลของโลกปกครองด้วยกำลัง พวกเขารักษาการปกครองโดยการใช้อำนาจทางสงคราม แต่ผู้ก่อตั้งอาณาจักรใหม่ทรงเป็นองค์สันติราช พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปรียบอาณาจักรของโลกด้วยสัญลักษณ์ของสัตว์ดุร้ายที่คอยจ้องหาเหยื่อ แต่พระคริสต์ทรงเป็น “พระเมษโปดก [ลูกแกะ] ของพระเจ้าผู้ทรงรับบาปของโลกไป” ยอห์น 1:29 ในแผนการของการปกครองของพระองค์ จะไม่มีการใช้ความรุนแรงที่โหดร้ายในการบังคับความคิด ความสำนึกผิดชอบ ชาวยิวเฝ้ารอคอยการจัดตั้งอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับการจัดตั้งอาณาจักรทั้งหลายของโลกนี้ เพื่อสนับสนุนในเรื่องของความชอบธรรม พวกเขาคิดหามาตรการภายนอก พวกเขาค้นหาวิธีการและการวางแผน แต่พระคริสต์ทรงปลูกฝังหลักการ ด้วยการปลูกฝังความจริงและความชอบธรรม พระองค์ทรงต่อต้านความไม่ถูกต้องและบาป {COL 77.1} COLTh 50.1

ขณะที่พระเยซูตรัสอุปมานี้ ทรงมองเห็นต้นมัสตาร์ดได้ทั้งใกล้และไกล มันชูต้นขึ้นเหนือต้นหญ้าและต้นข้าวและโบกกิ่งใบไปมาช้าๆ พวกนกก็โผบินจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่ง และส่งเสียงร้องออกมาจากแมกไม้เหล่านั้น แต่ถึงกระนั้นเมล็ดที่เป็นต้นกำเนิดของพืชขนาดใหญ่นี้กลับเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุดในบรรดาเมล็ดพืชทั้งหลาย ในช่วงแรกมันงอกขึ้นด้วยหน่ออ่อน แต่เป็นหน่อที่สำคัญเท่าชีวิตและเติบโตเจริญขึ้นอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งมีขนาดใหญ่เต็มที่ ในทำนองเดียวกันในระยะแรกแผ่นดินของพระเจ้าดูเหมือนว่าต่ำต้อยและไม่สำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาจักรของฝ่ายโลก จะเห็นว่าเป็นอาณาจักรที่เล็กที่สุด คำกล่าวอ้างของพระคริสต์ที่ตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์องค์หนึ่งนั้น ถูกประมุขของโลกหัวเราะเยาะ ถึงกระนั้นในความจริงอันยิ่งใหญ่ที่มอบให้กับผู้ติดตามของพระองค์ อาณาจักรแห่งข่าวประเสริฐนั้นคือการมีชีวิตแบบพระเจ้า และอาณาจักรนี้ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงใด อำนาจครอบครองก็แผ่ขยายกว้างไปมากเพียงใด ในขณะที่พระคริสต์ตรัสอุปมานี้ มีชาวนากาลิลีเพียงไม่กี่คนเป็นตัวแทนของอาณาจักรใหม่นี้ คนเหล่านี้ที่ยากจนและมีจำนวนน้อยนิดเป็นเหตุผลที่ชักจูงไม่ให้คนอื่นๆ เข้าร่วมกับชาวประมงผู้ต่ำต้อยที่ติดตามพระเยซู แต่เมล็ดมัสตาร์ดจะเติบโตขึ้นและแผ่ขยายกิ่งก้านไปทั่วโลก เมื่ออาณาจักรของโลกซึ่งมีความรุ่งเรืองครอบคลุมอยู่ในใจมนุษย์จะต้องพินาศ แผ่นดินของพระคริสต์จะยั่งยืน ยิ่งใหญ่และแผ่ขยายออกไป {COL 77.2} COLTh 50.2

ในทำนองเดียวกัน พระคุณของพระเจ้าในจิตใจจะเริ่มต้นขึ้นจากจุดเล็กๆ เมื่อถ้อยคำหนึ่งถูกกล่าวออกมา รัศมีของแสงนั้นก็ส่องเข้าไปในจิตใจ และมีอำนาจชักจูงให้เกิดชีวิตใหม่ แล้วใครเล่าจะสามารถวัดผลที่จะเกิดขึ้นตามมา{COL 78.1} COLTh 51.1

ไม่เพียงแต่อุปมาของเมล็ดมัสตาร์ดเท่านั้นที่ใช้แสดงถึงการเติบโตของอาณาจักรของพระคริสต์ แต่ในทุกขั้นตอนของการเติบโต ประสบการณ์ที่อธิบายไว้อยู่ในอุปมาก็จะนำมากล่าวซ้ำ พระเจ้าทรงมีความจริงและภารกิจพิเศษสำหรับคริสตจักรในทุกยุคสมัย ความจริงที่ซ่อนไว้จากคนฉลาดและรอบคอบของทางโลก จะสำแดงแก่ผู้ที่เชื่อเหมือนเด็กและถ่อมใจ เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเสียสละส่วนตน มีสงครามที่ต้องต่อสู้และชัยชนะที่จะได้มา เมื่อเริ่มต้นในช่วงแรก มีผู้เชื่อจำนวนน้อย พวกเขาถูกผู้นำชั้นสูงในโลกและคริสตจักรที่เลียนแบบฝ่ายโลกต่อต้านและดูหมิ่น ดูยอห์น ผู้ให้รับบัพติศมา เขาเตรียมทางของพระคริสต์ เขาลุกขึ้นเพียงคนเดียว ตำหนิความหยิ่งยโสและการเคร่งในระเบียบของชาวยิว ดูผู้นำข่าวประเสริฐคนแรกที่เดินทางไปยุโรป เปาโลและสิลาสคนเย็บเต็นท์ทั้งสองคนทั้งที่เป็นคนไม่มีชื่อเสียงและแทบจะไม่มีความหวัง ในขณะที่คนเหล่านี้และสหายไปขึ้นเรือที่เมืองโตรอัสเพื่อไปยังเมืองฟีลิปปี ดู “เปาโลผู้ชรา” ในขณะที่ถูกล่ามด้วยโซ่ในคุกอันแข็งแรงของเมืองซีซารียาก็ยังเทศนาสั่งสอน ดูหมู่ทาสและชาวนา พวกเขาต่อสู้กับพวกนอกศาสนาของอาณาจักรโรมัน ดูมาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ต่อต้านคริสตจักรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของสติปัญญาแห่งโลก จงดูเขายึดมั่นในพระวจนะของพระเจ้า เพื่อต่อต้านจักรพรรดิและพระสันตะปาปาโดยประกาศว่า “ ข้าพเจ้าขอยืนหยัดดังนี้ไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้าโปรดช่วยข้าพเจ้าเถิด” ดูจอห์น เวสเล่ย์ ผู้เทศนาเรื่องพระคริสต์และความชอบธรรมของพระองค์ท่ามกลางผู้ถือลัทธิระเบียบ มักมากในกามตัณหาและไม่เลื่อมใสในศาสนา ดูผู้หนึ่งที่มีภาระกับความทุกข์ระทมของโลกที่ไม่รู้จักพระเจ้า ร้องวิงวอนขอโอกาสที่จะนำข่าวความรักของพระคริสต์ไปประกาศ ฟังการตอบสนองของคณะนักบวชซึ่งกล่าวแก่เขาว่า “ ชายหนุ่มเอ๋ย จงนั่งลงเถิด เมื่อพระเจ้าทรงต้องการนำคนนอกศาสนามาหาพระองค์ พระองค์จะทรงกระทำโดยไม่ต้องการความช่วยเหลือของเจ้าหรือของฉัน” {COL 78.2} COLTh 51.2

ผู้นำยิ่งใหญ่ทางศาสนาในยุคนี้ยกย่องสรรเสริญและสร้างอนุสาวรีย์แก่ผู้ที่หว่านเมล็ดแห่งความจริงเมื่อหลายศตวรรษก่อน ทุกวันนี้มีคนจำนวนมากหันไปจากงานนี้เพื่อเหยียบย่ำต้นที่งอกขึ้นจากเมล็ดที่หว่านไว้หรือไม่ คำกล่าวของสมัยก่อนได้ถูกนำมาใช้ใหม่ “ เรารู้ว่าพระเจ้าได้ตรัสกับโมเสส แต่สำหรับคนนั้น [พระคริสต์ในผู้สื่อข่าวที่ทรงส่งให้ไปทำงาน] เราไม่รู้ว่ามาจากไหน” ยอห์น 9:29 เช่นเดียวกับยุคแรกเริ่ม ความจริงพิเศษยุคนี้ไม่ได้อยู่ที่นักบวชหรือศาสนาจารย์ แต่อยู่กับชายและหญิงผู้มีการศึกษาไม่มากเกินไปหรือไม่ฉลาดเกินกว่าที่จะเชื่อพระวจนะคำของพระเจ้า {COL 79.1} COLTh 52.1

พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูสภาพพวกท่านเมื่อได้รับการทรงเรียก มีน้อยคนที่โลกถือว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าโง่ เพื่อทำให้พวกมีปัญญาอับอาย พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ” 1โครินธ์ 1:26 — 28 “ เพื่อความเชื่อของพวกท่านจะไม่ขึ้นกับปัญญาของมนุษย์ แต่ขึ้นกับฤทธิ์เดชของพระเจ้า” 1 โครินธ์ 2:5 {COL 79.2} COLTh 52.2

ในยุคสุดท้ายนี้ อุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดจะเป็นตัวอย่างที่สำคัญ และเป็นความสำเร็จแห่งชัยชนะ เมล็ดเล็กๆ นี้จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ข่าวสุดท้ายแห่งการตักเตือนและพระกรุณาจะต้องประกาศไปยัง “ ทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกภาษาและทุกชนชาติ” วิวรณ์ 14:6 — 14 “ เพื่อจะทรงเลือกชนกลุ่มหนึ่งออกจากเขาทั้งหลายให้เป็นของพระองค์” กิจการ 15:14 วิวรณ์ 18:1 และโลกจะสว่างด้วยพระสิริของพระองค์ {COL 79.3} COLTh 53.1

*****