สงครามครั้งยิ่งใหญ่

45/45

บท 42 - ความขัดแย้งสิ้นสุดแล้ว

เมื่อสิ้นสุดเวลาหนึ่งพันปี พระคริสต์เสด็จกลับมายังแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง พระองค์เสด็จมาพร้อมด้วยบรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปจำนวนมากและตามมาด้วยกลุ่มทูตสวรรค์ผู้ติดตาม ในขณะที่พระองค์เสด็จลงมาด้วยความยิ่งใหญ่อันน่าสะพรึงกลัว พระองค์ตรัสสั่งบรรดาคนชั่วที่ตายอยู่ให้มีชีวิตเป็นขึ้นเพื่อรับความพินาศของพวกเขา มีคนจำนวนมากมายดุจเม็ดทรายในทะเลที่นับไม่ถ้วนลุกออกมา พวกเขาแตกต่างจากบรรดาคนที่เป็นขึ้นจากความตายครั้งแรกอย่างลิบลับ คนชอบธรรมสวมสภาพของความเยาว์วัยและความงามของชีวิตอมตะ คนชั่วมีริ้วรอยของโรคร้ายและความตายติดอยู่ตามร่างกาย {GC 662.1} GCth17 572.1

นัยน์ตาทุกดวงของฝูงชนจำนวนมหึมานั้นหันไปจ้องพระสิริของพระบุตรพระเจ้า บรรดาคนชั่วต่างร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ” มัทธิว 23:39 ถ้อยคำนี้ไม่ได้เกิดจากความรักที่มีต่อองค์พระเยซู แต่ความจริงได้บังคับให้พวกเขาเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากอย่างไม่เต็มใจ คนชั่วเหล่านี้ลงสู่หลุมศพไปอย่างไร พวกเขาก็กลับเป็นขึ้นมาจากตายพร้อมด้วยความเป็นศัตรูต่อพระคริสต์เช่นเดิมและด้วยวิญญาณของการกบฏแบบเดียวกัน พวกเขาจะไม่ได้รับโอกาสแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ของชีวิตที่ผ่านมาในอดีตของพวกเขา เพราะการทำเช่นนี้ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดทั้งสิ้น การล่วงละเมิดที่ทำไปตลอดชั่วชีวิตไม่ได้ทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนลง หากเปิดโอกาสแก้ไขจุดบกพร่องให้แก่พวกเขาเป็นครั้งที่สอง พวกเขาก็จะใช้เวลานั้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดต่างๆ ของพระเจ้าและยุยงให้กบฏต่อต้านพระองค์เหมือนที่ทำมาแล้วในครั้งแรก {GC 662.2} GCth17 572.2

พระคริสต์เสด็จลงมายังภูเขามะกอกเทศ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่พระองค์เสด็จกลับสวรรค์ภายหลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตาย และเป็นสถานที่ซึ่งทูตสวรรค์กล่าวย้ำถึงคำสัญญาของการเสด็จกลับมาของพระองค์ ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะเสด็จมาและบรรดาทูตทั้งสิ้นจะมากับพระองค์” “พระบาทของพระองค์จะทรงยืนอยู่ที่ภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่หน้ากรุงเยรูซาเล็มด้านตะวันออก และภูเขามะกอกเทศนั้นจะแยกออกเป็น 2 ส่วน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก โดยมีหุบเขากว้างมากคั่นอยู่” “และพระยาห์เวห์จะทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพทั้งสิ้น ในวันนั้นพระยาห์เวห์จะทรงเป็นเอก และพระนามของพระองค์ก็เป็นเอกด้วย” เศคาริยาห์ 14:5, 4, 9 เมื่อกรุงเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งสง่างามอย่างน่าอัศจรรย์ลอยลงมาจากสวรรค์ ก็จะมาตั้งอยู่บนสถานที่ซึ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วและเตรียมพร้อมไว้สำหรับรองรับเมืองนั้น และพระคริสต์พร้อมด้วยประชากรของพระองค์และทูตสวรรค์ทั้งหลายก็เข้าไปในนครบริสุทธิ์แห่งนั้น {GC 662.3} GCth17 572.3

บัดนี้ ซาตานเตรียมพร้อมที่จะเข้าต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ขณะที่เจ้าชายแห่งความชั่วสูญเสียอำนาจและตัดขาดจากงานการหลอกลวงของมันนั้น มันรู้สึกหงุดหงิดและหดหู่ใจ แต่เมื่อคนชั่วถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตายและมันมองเห็นฝูงชนมากมายอยู่ฝ่ายเดียวกับมัน มันกลับมามีความหวังอีกครั้งหนึ่งและมุ่งมั่นไม่ยอมพ่ายแพ้ในความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้ มันรวบรวมกองทัพทั้งหมดของบรรดาผู้ที่ถึงความพินาศให้มาอยู่ภายใต้ร่มธงของมันและใช้คนเหล่านี้เพื่อทำตามแผนของมัน คนชั่วทั้งหลายเป็นเชลยของซาตาน การที่พวกเขาปฏิเสธพระคริสต์เท่ากับพวกเขาได้ยอมรับการปกครองของหัวหน้ากบฏ พวกเขาพร้อมทำตามข้อเสนอและปฏิบัติตามคำสั่งของมัน แต่กระนั้น มันยังคงความเจ้าเล่ห์ที่มีมาแต่ดั้งเดิมโดยการไม่ยอมรับว่าตัวมันเองเป็นซาตาน มันอ้างตนเป็นเจ้าชาย เป็นเจ้าของโลกโดยชอบธรรม และมรดกของมันถูกแย่งชิงไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มันแสดงตัวต่อพลเมืองที่มันล่อลวงว่ามันเป็นผู้ไถ่บาป ยืนยันกับพวกเขาว่าอำนาจของมันทำให้พวกเขากลับเป็นขึ้นมาจากหลุมฝังศพ และมันกำลังจะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากอำนาจกดขี่ที่โหดเหี้ยมที่สุด เมื่อการทรงร่วมสถิตด้วยของพระคริสต์ถูกนำออกไปแล้ว ซาตานจึงกระทำการอัศจรรย์เพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของมัน มันทำให้คนอ่อนกำลังเข้มแข็งและดลใจทุกคนด้วยวิญญาณและอำนาจของมันเอง มันเสนอที่จะนำพวกเขาเข้าต่อสู้กับค่ายของธรรมิกชนและเข้ายึดครองนครของพระเจ้า ด้วยความโหดเหี้ยมที่แฝงอยู่ภายใต้สี่หน้าที่รื่นรมย์ มันชี้ให้ดูคนจำนวนนับล้านๆ ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย และประกาศว่าในฐานะผู้นำของพวกเขานั้น มันมีความสามารถเป็นอย่างดีที่จะโค่นล้มเมืองนั้นและบุกเข้ายึดเอาบัลลังก์และอาณาจักรของมันกลับคืนมา {GC 663.1} GCth17 573.1

ในหมู่ชนจำนวนมหาศาลนั้นมีฝูงชนที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์อายุยืนซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยก่อนน้ำท่วมโลก เป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่สง่าผ่าเผย และมีสติปัญญาเฉียบแหลม คนเหล่านี้ตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของทูตที่ล้มลงในบาป พวกเขาอุทิศความสามารถและความรู้ทั้งหมดเพื่อยกชูตนเอง พวกเขาใช้ความสามารถทางศิลปะล้ำเลิศนำคนในโลกกราบบูชาอัจฉริยภาพของตน แต่ความโหดเหี้ยมและสิ่งประดิษฐ์อันชั่วร้ายของพวกเขาทำให้โลกเป็นมลทินและทำให้พระฉายาของพระเจ้ามีรอยตำหนิ จนทำให้พระเจ้าต้องกำจัดพวกเขาออกไปจากโลกที่พระองค์ทรงสร้างนั้น ยังมีบรรดากษัตริย์และแม่ทัพที่ยึดครองประชาชาติ ยังมีชายกล้าหาญที่ไม่เคยแพ้ในการทำสงคราม ยังมีนักรบที่หยิ่งและทะเยอทะยานผู้ที่ทำให้อาณาจักรสั่นคลอน ความตายไม่ได้ทำให้ประสบการณ์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงเลย เมื่อพวกเขาก้าวออกมาจากหลุมฝังศพ พวกเขาก็ดำเนินแนวคิดต่อเนื่องจากจุดที่ได้ยุติ พวกเขาถูกกระตุ้นด้วยความปรารถนาเดิมที่ควบคุมพวกเขาในวันที่พวกเขาล้มตาย {GC 664.1} GCth17 573.2

ซาตานปรึกษากับทูตทั้งหลายของมัน แล้วปรึกษากับบรรดากษัตริย์และผู้พิชิตและผู้ที่มีอำนาจทั้งหลาย พวกเขามองดูกองกำลังและจำนวนผู้คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา แล้วประกาศว่ากองกำลังที่อยู่ภายในเมืองนั้นมีจำนวนน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนของพวกเขาและพวกเขาจะเอาชนะได้ พวกเขาวางแผนในการยึดครองทรัพย์สมบัติและสง่าราศีของกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ทุกคนเริ่มลงมือเตรียมตัวทำสงครามทันที ช่างฝีมือสร้างอาวุธสงคราม ผู้นำกองทัพที่มีชื่อเสียงในการต่อสู้จัดการเตรียมทัพแบ่งนักรบทั้งหลายให้เป็นหมู่เป็นกอง {GC 664.2} GCth17 573.3

ในที่สุดมีประกาศสั่งให้เคลื่อนทัพ และกองทัพที่มีจำนวนทหารนับไม่ถ้วนก็เคลื่อนออกไป ตั้งแต่มีสงครามในโลกยังไม่เคยมีผู้นำใดในโลกรวมพลได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นกองทัพที่รวมพลังจากทุกยุคที่ไม่มีใครเปรียบได้ ซาตานเป็นนักรบยิ่งใหญ่ที่สุด มันนำอยู่ข้างหน้าและทูตของมันรวมกำลังทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ กษัตริย์และนักรบทั้งหลายอยู่ในขบวนของมันและฝูงชนมากมายติดตามเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ แต่ละคนเดินตามผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้ง ทหารเรียงแถวติดกันอย่างมีระเบียบของกองทัพเดินไปตามพื้นผิวโลกที่แตกร้าวและไม่เรียบ มุ่งหน้าตรงไปยังนครของพระเจ้า ประตูของกรุงเยรูซาเล็มใหม่ปิดตามพระดำรัสสั่งของพระคริสต์ และกองทัพของซาตานล้อมนครไว้และเตรียมพร้อมที่จะบุกเข้าโจมตีนครนั้น {GC 664.3} GCth17 573.4

บัดนี้พระคริสต์ทรงปรากฏให้พวกศัตรูของพระองค์เห็นอีกครั้งหนึ่ง สูงขึ้นไปเหนือนครนั้น มีพระที่นั่งยกขึ้นตั้งอยู่บนรากฐานที่ทำด้วยทองคำขัดเงา พระบุตรของพระเจ้าประทับอยู่บนพระที่นั่งและมีพลเมืองแห่งอาณาจักรของพระองค์อยู่รอบพระองค์ อำนาจและความงามสง่าของพระคริสต์นั้น ไม่มีภาษาใดจะพรรณนาและไม่มีปากกาใดจะเขียนบรรยายได้ พระสิริของพระบิดาผู้ทรงชนม์นิรันดร์ห้อมล้อมพระบุตรของพระองค์ ความสว่างเจิดจ้าแห่งการสถิตร่วมด้วยของพระองค์ส่องสว่างเต็มนครของพระเจ้าและล้นออกไปนอกประตูนคร ส่องความสว่างไปทั่วทั้งโลก {GC 665.1} GCth17 574.1

กลุ่มคนที่อยู่ใกล้พระที่นั่งมากที่สุดคือผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยร้อนรนในอุดมการณ์ของซาตาน แต่พวกเขาเป็นเหมือนดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟ [เศคาริยาห์ 3:2] พวกเขาติดตามพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความภักดีอันแรงกล้า ถัดมาเป็นกลุ่มคนที่ทำให้อุปนิสัยชีวิตคริสเตียนสมบูรณ์ขณะอยู่ท่ามกลางความไม่ถูกต้องและความไม่ซื่อสัตย์ เป็นผู้ที่ถวายเกียรติธรรมบัญญัติของพระเจ้าในขณะที่โลกคริสเตียนประกาศว่าธรรมบัญญัติเป็นโมฆะ และคนนับล้านจากทุกยุคที่พลีชีพเพื่อความเชื่อ และเลยออกไปเป็น “มหาชนที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ ที่มาจากทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกชนชาติและทุกภาษา ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งและเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีขาว และถือใบตาลอยู่ในมือ” วิวรณ์ 7:9 การต่อสู้ของพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาได้ชัยชนะแล้ว พวกเขาวิ่งและไปถึงหลักชัยแล้ว ใบตาลในมือเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ เสื้อขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมของพระคริสต์นั้น บัดนี้เป็นของพวกเขาแล้ว {GC 665.2} GCth17 574.2

ผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปร่วมร้องเพลงสรรเสริญซึ่งส่งเสียงดังก้องสะท้อนไปมาทั่วสุดขอบฟ้าว่า “ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าของเราผู้ประทับบนพระที่นั่ง และขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก” วิวรณ์ 7:10 และทูตสวรรค์และเสราฟิมต่างร่วมประสานเสียงถวายคำสรรเสริญ ในขณะที่ผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาป มองเห็นอำนาจและความชั่วร้ายของซาตานนั้น พวกเขาก็มองเห็นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่า ไม่มีกำลังอำนาจใดนอกจากอำนาจของพระคริสต์ที่ทรงกระทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ที่มีชัยชนะได้ ในบรรดาฝูงชนทั้งหมดที่ชื่นชมยินดีนั้น ไม่มีสักคนเดียวที่จะอ้างได้ว่าเขาได้รับความรอดด้วยตนเอง หรือทำราวกับว่าพวกเขามีชัยชนะด้วยกำลังและความดีของตัวเอง ไม่มีการพูดถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำหรือความทุกข์ยากที่ต้องทน แต่เนื้อร้องจากทุกบทเพลงและเสียงร้องจากเพลงสรรเสริญทุกเพลง คือ ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าและขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก {GC 665.3} GCth17 574.3

พระราชพิธีราชาภิเษกพระบุตรของพระเจ้ากระทำขึ้นต่อหน้าบรรดาคนทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกและบรรดาชาวสวรรค์ที่มาชุมนุมกัน และเวลานี้ พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายผู้ทรงพระสิริและฤทธานุภาพสูงสุดทรงประกาศโทษพวกที่กบฏต่อการปกครองของพระองค์ และทรงตัดสินอย่างยุติธรรมต่อผู้ที่ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระองค์และกดขี่ประชากรของพระองค์ ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ก็หายไปจากพระพักตร์ของพระองค์ และไม่มีใครพบเห็นที่อยู่ของพวกมันอีกเลย ข้าพเจ้ายังเห็นบรรดาคนตาย ทั้งคนใหญ่โตและคนเล็กน้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น และหนังสือต่างๆ ก็เปิดออก และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น” วิวรณ์ 20:11, 12 {GC 666.1} GCth17 575.1

ในทันทีที่หนังสือบันทึกต่างๆ ถูกเปิดออก และขณะที่พระเนตรของพระเยซูเพ่งดูบรรดาคนชั่ว พวกเขาต่างรู้สึกสำนึกถึงบาปทั้งหมดที่ได้ทำลงไป พวกเขามองเห็นแล้วว่า ณ จุดใดที่เท้าของพวกเขาก้าวออกไปจากทางบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ และมองเห็นด้วยว่าความเย่อหยิ่งและการกบฏของพวกเขานำพวกเขาให้ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระเจ้ามากมายเพียงไร พวกเขาสนับสนุนการยั่วยุของการทดลองด้วยการปล่อยตัวให้กับบาป การใช้พระพรไปในทางที่ผิด การดูหมิ่นเหยียดหยามผู้สื่อข่าวของพระเจ้า การปฏิเสธคำเตือน และการผลักไสคลื่นแห่งความปรานีออกไปด้วยจิตใจที่ดื้อแพ่งไม่สำนึกผิด สิ่งทั้งหมดนี้ปรากฏให้เห็นประหนึ่งเป็นตัวหนังสือที่เขียนด้วยไฟ . {GC 666.2} GCth17 575.2

เหนือพระที่นั่งแห่งนั้นมีไม้กางเขนปรากฏขึ้นมา และภาพเหตุการณ์ต่างๆ ราวกับภาพที่เห็นได้รอบทิศก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ภาพการทดลองและการพ่ายแพ้บาปของอาดัมรวมถึงลำดับขั้นตอนที่เกิดขึ้นต่อๆ มาในแผนการอันยิ่งใหญ่ของการทรงไถ่บาป การเสด็จมาบังเกิดในสภาพที่ต่ำต้อยของพระผู้ช่วยให้รอด ชีวิตช่วงปฐมวัยที่เรียบง่ายและเชื่อฟัง การรับบัพติศมาในแม่น้ำจอร์แดนของพระองค์ การอดอาหารและการทดลองในป่ากันดารของพระองค์ พระราชกิจการรับใช้ประชาชนที่เปิดเผยให้มนุษย์เห็นถึงพระพรอันประเสริฐที่สวรรค์ประทานมาให้ วันเวลาที่เต็มล้นไปด้วยการกระทำแห่งความรักและความเมตตา บรรดาค่ำคืนแห่งการอธิษฐานและการเฝ้าเดี่ยวท่ามกลางความเงียบสงบบนภูเขา แผนการปองร้ายที่เกิดจากความอิจฉาเกลียดชังและผูกพยาบาทเพื่อตอบแทนคุณประโยชน์ต่างๆ ของพระองค์ ความปวดร้าวอันลึกลับน่ากลัวในสวนเกทเสมนีภายใต้แรงบดขยี้อันหนักหน่วงที่เกิดจากบาปต่างๆ ของโลกทั้งใบ พระองค์ทรงถูกทรยศให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฝูงชนที่เป็นฆาตกร เหตุการณ์น่ากลัวต่างๆ ของยามค่ำคืนอันสยองขวัญ นักโทษผู้ไม่ขัดขืน ถูกสาวกที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดทอดทิ้ง ถูกกระชากไปตามถนนต่างๆ ในกรุงเยรูซาเล็มอย่างหยาบคาย พระบุตรของพระเจ้าถูกนำมาประจานอย่างสนุกสนานต่อหน้าอันนาส การกล่าวโทษที่วังของมหาปุโรหิต ในห้องพิพากษาของปีลาต ต่อหน้าเฮโรดที่ขลาดกลัวและเหี้ยมโหด ถูกเยาะเย้ย ถูกหมิ่นประมาท ถูกทรมานและถูกตัดสินโทษให้ถึงแก่ความตาย ภาพทั้งหมดดังกล่าวมานี้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน {GC 666.3} GCth17 575.3

บัดนี้ ภาพฉากสุดท้ายเปิดเผยขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าฝูงชนที่เคลื่อนตัวไปมา เป็นภาพของพระองค์ผู้ต้องทนทุกข์ทรมาน ทรงเหยียบย่างไปตามทางที่เดินมุ่งหน้าไปยังคาลวารีด้วยความอดทน เจ้าชายแห่งสรวงสวรรค์ทรงถูกตรึงบนกางเขน พวกปุโรหิตที่หยิ่งยโสและฝูงชนที่เย้ยหยันต่างหัวเราะเยาะความทรมานที่กำลังจะคร่าชีวิตของพระองค์ ความมืดมิดผิดธรรมชาติ แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ก้อนหินที่แตกร้าว และหลุมศพต่างๆ ที่เปิดออก ล้วนชี้บอกถึงช่วงเวลาที่พระผู้ไถ่ของโลกทรงพลีชีวิตของพระองค์เอง {GC 667.1} GCth17 576.1

ภาพอันน่ากลัวปรากฏให้เห็นตามที่เกิดขึ้นจริง ซาตาน ทูตของมันและบรรดาผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของมันล้วนไม่มีกำลังที่จะเมินหน้าหนีไปจากภาพผลงานของตนเอง แต่ละคนหวนคิดถึงบทบาทที่ตนเองได้ทำลงไป เฮโรดฆ่าเด็กไร้เดียงสาในหมู่บ้านเบธเลเฮมเพื่อหวังฆ่ากษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล นางเฮโรเดียสผู้ต่ำช้าชั่วร้ายจะต้องรับผิดต่อโลหิตของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ปีลาตผู้อ่อนแอและยอมทำทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทหารที่เยาะเย้ย ปุโรหิตและผู้ปกครองและฝูงชนบ้าคลั่งที่ร้องว่า “ให้ความผิดเรื่องความตายของเขาตกอยู่แก่เราและลูกๆ ของเรา” มัทธิว 27:25 คนทั้งหมดเหล่านี้มองดูความเลวทรามของความผิดของตนเอง พวกเขาพยายามหลบซ่อนให้พ้นจากพระพักตร์อันสง่าน่าเกรงขามของพระองค์ซึ่งสว่างเจิดจ้ากว่าความสว่างของดวงอาทิตย์แต่กลับไร้ผล ในทางตรงข้าม บรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปต่างนำมงกุฎของตนเองมาวางแทบพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอดและร้องว่า “พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์” {GC 667.2} GCth17 576.2

ในท่ามกลางผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดแล้วมีอัครทูตของพระคริสต์รวมอยู่ด้วย เปาโลผู้กล้าหาญ เปโตรผู้ร้อนแรง ยอห์นสาวกที่พระองค์ทรงรักและเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก และพี่น้องผู้จริงใจทั้งหลายของพวกเขา และผู้ที่ยอมพลีชีพเพราะความเชื่อจำนวนมากก็อยู่ร่วมกับพวกเขาที่นั่นด้วย ในขณะที่นอกกำแพงเมืองพร้อมกับสิ่งเลวทรามและน่าเกลียดน่าชัง มีพวกที่กดขี่พวกเขา พวกที่จับพวกเขาเข้าคุมขังและพวกที่สังหารพวกเขาให้ตาย เนโรก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็นคนโหดเหี้ยมและเป็นจอมมารแห่งความโหดร้ายและเลวทราม เขากำลังมองดูความสุขและความปลื้มปีติของคนเหล่านั้นที่ครั้งหนึ่งเขาเคยจับมาทรมานและในความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสที่สุดของคนกลุ่มนี้เคยทำให้เขามีความสุขเยี่ยงมารร้าย มารดาของเนโรก็อยู่ที่นั่นด้วยเพื่อเป็นพยานถึงผลงานของเธอเอง เพื่อดูว่าลักษณะชั่วที่เธอส่งต่อให้ลูกชายของเธอรวมถึงอิทธิพลและแบบอย่างของเธอที่สนับสนุนและพัฒนาให้เกิดกิเลสตัณหานั้นได้บังเกิดผลเป็นอาชญากรรมต่างๆ ที่ทำให้โลกต้องสั่นระริกด้วยความกลัว {GC 667.3} GCth17 576.3

ที่นั่นมีบรรดาบาทหลวงของระบอบเปปาซีและพระราชาคณะทั้งหลายผู้ซึ่งอ้างตนว่าเป็นทูตานุทูตของพระคริสต์ แต่กระนั้นยังใช้เครื่องมือทรมานดึงแขนขา คุกมืด และหลักประหารเผาทั้งเป็นเพื่อควบคุมจิตใต้สำนึกของประชากรของพระองค์ ที่นั่นมีบรรดาพระสันตะปาปาผู้ภูมิใจในตนเอง ทรงยกย่องตัวเองขึ้นเหนือพระเจ้าและทรงอวดอ้างว่าเป็นผู้เปลี่ยนธรรมบัญญัติขององค์ผู้สูงสุด คุณพ่อผู้เสแสร้งเหล่านี้ของคริสตจักรมีบัญชีที่ต้องส่งคืนต่อพระเจ้าซึ่งเป็นบัญชีที่พวกเขาเต็มใจต้องการได้รับการยกโทษ แต่สายไปเสียแล้ว พวกเขาถูกทำให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูทรงหวนแหนธรรมบัญญัติของพระองค์และจะไม่ทรงถือโทษก็หามิได้ บัดนี้พวกเขาเรียนรู้แล้วว่าพระคริสต์ทรงเปิดเผยให้เห็นว่า พระองค์ทรงสนพระทัยในประชากรของพระองค์ที่ต้องทนทุกข์ และพวกเขาสัมผัสได้ถึงความหนักแน่นในพระดำรัสของพระองค์เองที่ว่า “ซึ่งพวกท่านได้กระทำกับคนใดคนหนึ่งที่เล็กน้อยที่สุดในพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนทำแก่เราด้วย” มัทธิว 25:40 {GC 668.1} GCth17 577.1

คนชั่วทั้งโลกยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้าด้วยข้อหาการกบฏต่อการปกครองของสวรรค์ ไม่มีผู้ใดแก้คดีแทนพวกเขา พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัว และคำตัดสินถูกประกาศออกมาว่า ให้พวกเขารับโทษตายตลอดชั่วนิรันดร์ {GC 668.2} GCth17 577.2

บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วว่าค่าจ้างของบาปไม่ใช่เสรีภาพที่ประเสริฐและชีวิตนิรันดร์ แต่เป็นทาส หายนะและความตาย คนชั่วมองเห็นว่าการมีชีวิตที่เป็นกบฏทำให้พวกเขาสูญเสียอะไรไปบ้าง เมื่อศักดิ์ศรีนิรันดร์มหาศาลยิ่งใหญ่ถูกยื่นให้แก่พวกเขานั้น พวกเขากลับดูแคลน แต่บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาเพียงใด จิตวิญญาณที่พินาศร้องว่า “ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าควรได้รับ แต่ข้าพเจ้าเลือกที่จะปัดทิ้งไปให้ไกลจากตัวข้าพเจ้า โอ ช่างเป็นความหลงใหลที่งมงาย ข้าพเจ้าเอาความสงบ ความสุขและเกียรติยศแลกกับสิ่งที่น่าเวทนา ความเสื่อมเสียชื่อเสียงและความสิ้นหวัง” ทุกคนมองเห็นว่าการที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปในสวรรค์นั้นเป็นเรื่องยุติธรรม เพราะชีวิตของพวกเขาเองได้ประกาศว่า “เราจะไม่ยอมให้บุคคลผู้นี้ [พระเยซู] ปกครองเรา” {GC 668.3} GCth17 577.3

ดูราวกับว่าพวกคนอธรรมเฝ้ามองพระราชพิธีราชาภิเษกของพระบุตรพระเจ้าด้วยอาการตกตะลึง พวกเขามองเห็นแผ่นศิลาจารึกธรรมบัญญัติของพระเจ้าอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ เป็นบัญญัติที่พวกเขาเหยียบย่ำและล่วงละเมิด พวกเขาเป็นพยานมองเห็นเหล่าผู้ที่ได้รับความรอดเต็มล้นไปด้วยความอัศจรรย์ใจและความสุขอันยิ่งใหญ่และการถวายสรรเสริญ และในขณะที่คลื่นเสียงดนตรีดังออกไปถึงฝูงชนที่อยู่นอกนครนั้น ทุกคนร้องด้วยเสียงเดียวกันว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และอัศจรรย์ ข้าแต่องค์พระมหากษัตริย์ของบรรดาประชาชาติ บรรดามรรคาของพระองค์ยุติธรรมและสัตย์จริง” วิวรณ์ 15:3 และเขาทั้งหลายหมอบกราบนมัสการเจ้าชายแห่งชีวิต {GC 668.4} GCth17 577.4

เมื่อซาตานมองดูพระสิริและความยิ่งใหญ่ของพระคริสต์นั้น ดูเหมือนว่ามันนิ่งงันไป ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นเครูบผู้พิทักษ์ มันจำได้ดีว่ามันล้มไปได้อย่างไร จากเสราฟิมที่เปล่งประกาย เป็น “โอรสแห่งรุ่งอรุณ” อิสยาห์ 14:12 ถูกเปลี่ยนไปมากเพียงไร ตกต่ำลงไปได้ถึงขนาดนี้ จากสภาที่ครั้งหนึ่งมันเคยได้รับเกียรติ บัดนี้กลับถูกขับออกไปตลอดกาล มันมองเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งประทับอยู่ใกล้พระบิดา ปกปิดพระสิริของพระองค์ไว้ มันเห็นทูตสวรรค์รูปร่างสูงใหญ่และมีกิริยาท่าทางที่สง่างามวางมงกุฎลงบนพระเศียรของพระคริสต์ และมันรู้ดีแก่ใจว่าตำแหน่งสูงส่งของทูตสวรรค์องค์นั้นควรเป็นของมัน {GC 669.1} GCth17 578.1

ความทรงจำนำให้มันหวนคิดไปถึงบ้านของมันสมัยที่มันยังปราศจากบาปและบริสุทธิ์ มันเคยมีสันติสุขและความพึงพอใจจนกระทั่งมันหมกมุ่นอยู่กับการบ่นติเตียนพระเจ้าและอิจฉาพระคริสต์ คำกล่าวร้ายทั้งหลายของมัน การกบฏของมัน การหลอกลวงต่างๆ ของมันเพื่อให้ได้รับความเห็นใจและการสนับสนุนจากทูตสวรรค์ การยืนกรานอย่างดื้อแพ่งไม่ยอมลงแรงเปลี่ยนใจตนเองของมันเมื่อพระเจ้าจะประทานการอภัยให้มัน สิ่งทั้งหมดเหล่านี้ผ่านเข้ามาให้มันเห็นอย่างชัดเจน มันทบทวนสิ่งที่มันทำไว้ในท่ามกลางมนุษย์และผลลัพธ์ของสิ่งเหล่านั้น ความเป็นศัตรูของมนุษย์ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การทำลายชีวิตอย่างน่ากลัว การเรืองอำนาจและการล่มสลายของอาณาจักรต่างๆ การแย่งชิงราชบัลลังก์ ความโกลาหล ความขัดแย้ง และการจลาจลที่มีมาอย่างต่อเนื่อง มันหวนคิดถึงความพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อต่อต้านพระราชกิจของพระคริสต์และกดมนุษย์ให้ยิ่งตกต่ำลงไป มันมองเห็นว่าแผนการอันร้ายกาจของมันนั้นไม่มีอำนาจที่จะทำลายผู้ที่มอบความวางใจของตนเองไว้ในพระเยซู ในขณะที่ซาตานมองดูอาณาจักรของมันเอง ผลงานที่มันทำไว้ มันมองเห็นแต่ความล้มเหลวและความหายนะ มันนำฝูงชนให้เชื่อว่านครของพระเจ้าเป็นเป้าหมายที่เอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่มันรู้ดีแก่ใจว่านั่นเป็นเรื่องเท็จ ครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่ความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่กำลังดำเนินอยู่นั้น มันต้องพบกับความพ่ายแพ้และถูกบังคับให้ยอมแพ้ มันยิ่งกว่ารู้ดีแก่ใจถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแห่งนิรันดร์กาล {GC 669.2} GCth17 578.2

ความมุ่งหมายของกบฏผู้ยิ่งใหญ่คือความพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อแก้ตัวให้กับสิ่งที่มันทำและพิสูจน์ว่ารัฐบาลของพระเจ้าทำให้เกิดการกบฏขึ้น มันทุ่มเทพลังอำนาจของสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของมันเพื่อเป้าหมายนี้ มันทำงานอย่างตั้งใจและอย่างมีระบบและได้รับความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ มันนำพาให้คนกลุ่มใหญ่ยอมรับความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของมันที่ดำเนินมาเนิ่นนานแล้ว เป็นเวลาหลายพันปีที่จอมบงการผู้นี้เอาความเท็จอย่างจอมปลอมมาแทนที่ความจริง แต่บัดนี้ เวลามาถึงแล้ว เมื่อในที่สุดการกบฏจะถูกปราบให้พ่ายแพ้และความเป็นมารวมถึงบุคลิกของซาตานถูกเปิดเผยให้เห็น ในความพยายามครั้งสุดท้ายของมันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์จากพระคริสต์ ทำลายประชากรของพระองค์และยึดนครของพระเจ้านั้น เจ้าจอมหลอกลวงถูกเปิดโปงให้เห็นจนหมดสิ้น ผู้ที่เข้าร่วมกับมันมองเห็นว่า จุดประสงค์ของมันนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผู้ติดตามของพระคริสต์และทูตสวรรค์ที่ภักดีมองเห็นแผนการร้ายทั้งหมดของมันที่มันใช้ในการต่อต้านรัฐบาลของพระเจ้า มันเป็นเป้าหมายที่น่ารังเกียจของทั่วทั้งจักรวาล {GC 670.1} GCth17 579.1

ซาตานมองเห็นแล้วว่าการกบฏที่มันเลือกเองนั้นทำให้มันไม่คู่ควรกับสวรรค์ มันฝึกอำนาจของมันไว้เพื่อต่อสู้กับพระเจ้า ความบริสุทธิ์และสันติสุขและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสวรรค์จะเป็นสิ่งทรมานมันอย่างยิ่ง บัดนี้ การกล่าวร้ายของมันต่อพระเมตตาคุณและความยุติธรรมของพระเจ้ายุติลงแล้ว คำตำหนิที่มันพยายามซัดทอดใส่พระยาห์เวห์ตกลงใส่ตัวมันเองทั้งหมด และบัดนี้ซาตานกราบลงและสารภาพว่า การตัดสินที่มันได้รับนั้นยุติธรรมดีแล้ว {GC 670.2} GCth17 579.2

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างไม่เกรงกลัวพระองค์ และไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดจะมานมัสการเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพราะว่าพระราชกิจอันชอบธรรมของพระองค์ปรากฏให้เห็นแล้ว” วิวรณ์ 15:4 ข้อสงสัยทุกข้อที่เกี่ยวข้องกับความจริงและความไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นในความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนานนั้น บัดนี้ก็ถูกทำให้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ผลลัพธ์ของการกบฏและผลพวงของการละทิ้งกฏเกณฑ์ต่างๆ ของพระเจ้าได้ถูกวางแผ่ออกให้สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาทั้งหมดที่พระเจ้าทรงสร้างได้มองเห็น ผลงานจากการปกครองของซาตานซึ่งตรงข้ามกับรัฐบาลของพระเจ้าก็ถูกนำมาเปิดเผยแก่จักรวาลทั้งหมด ผลงานของซาตานปรับโทษตัวมันเอง พระปัญญาของพระเจ้ารวมถึงความยุติธรรมของพระองค์และคุณความดีของพระองค์ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ อีกต่อไป เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงจัดการในระหว่างที่มีความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นั้น พระองค์ทรงจัดการลงไปด้วยการคำนึงถึงผลประโยชน์อันเป็นนิรันดร์ของประชากรของพระองค์และเพื่อผลประโยชน์ของโลกทั้งหมดที่พระองค์ทรงสร้าง “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ และผู้จงรักภักดีทั้งสิ้นของพระองค์จะถวายสาธุการแด่พระองค์” สดุดี 145:10 ประวัติศาสตร์ของบาปจะยั่งยืนตลอดทุกยุคชั่วนิรันดร์เพื่อเป็นพยานว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่ดำรงอยู่นั้นมีไว้เพื่อความผาสุกของสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้าง เมื่อทั่วทั้งจักรวาลซึ่งมีทั้งผู้ที่ภักดีและผู้ที่กบฏได้มองเห็นข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งหมดของความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้แล้ว พวกเขาประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่า “บรรดามรรคาของพระองค์ยุติธรรมและสัตย์จริง” วิวรณ์ 15:3 {GC 670.3} GCth17 579.3

ต่อหน้าจักรวาล การเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่พระบิดาและพระบุตรทรงกระทำเพื่อมนุษย์นั้นถูกนำเสนอให้เห็นอย่างชัดเจน เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้วที่พระคริสต์จะทรงเข้าครอบครองตำแหน่งอันชอบธรรมของพระองค์และได้รับเกียรติเหนือเทพผู้ครองทั้งหลายรวมทั้งอำนาจและนามทุกนามที่ได้รับการตั้งชื่อขึ้นมา เป็นเพราะความสุขที่ทรงตั้งไว้เบื้องหน้าของพระองค์ คือ การจะทรงนำบุตรมากมายเข้ามายังพระสิริ จึงทำให้พระองค์ทรงทนต่อกางเขนและทรงดูหมิ่นความอับอายได้ ความโศกเศร้าและความอับอายนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ แต่ถึงกระนั้นความสุขและเกียรติศักดิ์ศรีกลับยิ่งใหญ่กว่า พระองค์ทรงทอดพระเนตรไปยังบรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ตามแบบพระฉายาของพระองค์ จิตใจทุกดวงมีรอยประทับที่สมบูรณ์ของพระเจ้า และใบหน้าทุกหน้าสะท้อนพระลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขา พระองค์ทรงเห็นผลลัพธ์ความยากลำบากของจิตวิญญาณของพระองค์ที่เกิดขึ้นในตัวพวกเขา และพระองค์ทรงรู้สึกพอพระทัย หลังจากนั้น ในพระสุรเสียงที่ดังไปถึงฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ซึ่งมีทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมนั้น พระองค์ทรงประกาศว่า “ดูเถิด ผู้ที่เราได้ไถ่มาด้วยพระโลหิตของเรา เพื่อเขาเหล่านี้เราได้ผ่านความทุกข์ยากลำบาก เพื่อเขาเหล่านี้เราได้สิ้นพระชนม์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้มาอาศัยอยู่กับเราตลอดชั่วนิรันดร์กาล” และบทเพลงแห่งการสรรเสริญที่มาจากเหล่าคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวดังขึ้นไปถึงรอบพระบัลลังก์ว่า “พระเมษโปดกผู้ปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง พระเกียรติ พระสิริ และคำสดุดี” วิวรณ์ 5:12 {GC 671.1} GCth17 580.1

ถึงแม้ซาตานจะถูกฝืนใจให้ยอมรับความยุติธรรมของพระเจ้าและก้มศีรษะลงคำนับต่อความยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ก็ตาม แต่อุปนิสัยของมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง วิญญาณของการกบฏที่เหมือนกับคลื่นเชี่ยวกราดระเบิดขึ้นมาอีก ด้วยความบ้าคลั่งอันเต็มล้นมันตัดสินใจที่จะไม่ยอมแพ้ในความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้ ถึงเวลาแล้วที่มันต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวังเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อต่อต้านกษัตริย์แห่งสวรรค์ มันวิ่งกรูเข้าไปในท่ามกลางสมุนของมันและพยายามดลใจพวกเขาด้วยความเกรี้ยวกราดของมันเองและมันปลุกระดมพวกเขาให้ทำสงครามทันที แต่ในบรรดาคนจำนวนเป็นล้านๆ นับไม่ถ้วนที่มันเคยล่อลวงให้กบฏนั้น บัดนี้ไม่มีผู้ใดยอมรับความยิ่งใหญ่ของมันแล้ว อำนาจของมันมาถึงจุดสิ้นสุด จิตใจของคนชั่วนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังพระเจ้าเช่นเดียวกับที่ซาตานเกลียดชัง แต่พวกเขามองเห็นแล้วว่ากรณีของตนเองนั้นตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง พวกเขาไม่อาจเอาชนะพระยาห์เวห์ได้ ความโกรธของพวกเขาจึงพุ่งเข้าใส่ซาตานรวมถึงคนเหล่านั้นที่เคยเป็นตัวแทนของมันในการหลอกลวง และด้วยความโกรธเยี่ยงผีร้าย พวกเขาหันไปต่อสู้กับตัวแทนเหล่านั้น {GC 671.2} GCth17 580.2

พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะเจ้าถือว่าความคิดเจ้าเป็นเหมือนความคิดพระเจ้า ดังนั้น ดูสิ เราจะนำคนต่างด้าวมาสู้เจ้า เป็นพวกทารุณที่สุดในบรรดาประชาชาติ เขาจะชักดาบออกสู้กับความงามแห่งปัญญาของเจ้าและลบหลู่สง่างามราศีของเจ้า พวกเขาจะผลักเจ้าลงไปที่ในหลุมมรณะแล้วเจ้าจะตายอย่างคนถูกฆ่าที่ใจกลางทะเล” ” เราขับเจ้าไปจากภูเขาของพระเจ้าอย่างไร้เกียรติและเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไปจากท่ามกลางศิลาเพลิง........เราเหวี่ยงเจ้าลงบนดินแล้ว เราให้เจ้าถูกกษัตริย์ทั้งหลายมองอย่างดูแคลน........เราทำให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านบนพื้นโลก ในสายตาของทุกคนที่เห็นเจ้า......เจ้าสูญสิ้นไปอย่างน่าครั่นคร้ามและจะไม่ดำรงต่อไปเป็นนิตย์” เอเสเคียล 28:6-8, 16-19 {GC 672.1} GCth17 580.3

“รองเท้าทหารทุกคู่ที่กระทืบจนสั่นสะเทือนและเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิตจะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ” “พระยาห์เวห์ทรงเกรี้ยวกราดต่อประชาชาติทั้งสิ้น และทรงพระพิโรธต่อกองทัพทั้งหมดของเขา พระองค์ทรงทำลายพวกเขา และทรงมอบให้แก่การฆ่าฟัน” “พระองค์จะทรงเทถ่านเพลิงและไฟกำมะถันใส่คนอธรรม ลมที่แผดเผาจะเป็นส่วนที่เขาได้รับ” อิสยาห์ 9:5; 34:2 สดุดี 11:6 ไฟจากพระเจ้าลงมาจากสวรรค์ โลกถูกทำลาย อาวุธต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมันถูกดึงออกมา เปลวเพลิงเผาผลาญระเบิดออกมาจากเหวลึกที่เปิดกว้าง ก้อนหินลุกเป็นไฟ วันนั้นมาถึงแล้วคือวันที่ถูกเผาผลาญเหมือนเตาอบ โลกธาตุสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้นถูกเผาจนหมดสิ้น มาลาคี 4:1 2 เปโตร 3:10 ดูประหนึ่งว่าพื้นผิวโลกถูกหลอมละลายกลายเป็นก้อนเดียวคือเป็นทะเลเพลิงกว้างใหญ่ที่เดือดพล่าน มันเป็นเวลาแห่งการพิพากษาและความหายนะของคนอธรรม “พระยาห์เวห์ทรงมีวันเพื่อการแก้แค้น มีปีแห่งการตอบแทนเพื่อกรณีพิพาทของศิโยน” อิสยาห์ 34:8 {GC 672.2} GCth17 580.4

คนชั่วได้รับการตอบแทนของเขาในแผ่นดินโลก สุภาษิต 11:31 “พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า [พวกเขา] จะเป็นเหมือนตอข้าว วันที่จะมานั้นจะไหม้เขาหมด จนไม่มีรากหรือกิ่งเหลืออยู่เลย” มาลาคี 4:1 บางคนถูกทำลายไปในชั่วพริบตา ในขณะที่คนอื่นๆ ต้องทนทุกข์หลายวัน ทุกคนได้รับโทษ “ตามการกระทำของเขา” อิสยาห์ 59:18 บาปทั้งหลายของคนชอบธรรมถูกย้ายไปไว้ที่ซาตาน มันไม่เพียงแต่ต้องทนทุกข์สำหรับการกบฏของตัวมันเองเท่านั้น แต่รวมถึงบาปทั้งหมดที่มันเป็นต้นเหตุให้ประชากรของพระเจ้าทำลงไปด้วย โทษที่มันรับจะรุนแรงกว่าของผู้ที่ถูกมันล่อลวง หลังจากที่คนทั้งหมดซึ่งตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงของมันต้องพินาศไปหมดทุกคนแล้ว มันยังคงอยู่และรับความทรมานต่อไปอีก ในที่สุด เปลวไฟแห่งการชำระจะทำลายคนชั่วไปจนหมดสิ้นรวมทั้งรากและกิ่งด้วย คือทั้งซาตานผู้เป็นราก และผู้ติดตามของมันซึ่งเป็นกิ่ง การลงโทษเต็มขนาดของธรรมบัญญัตินั้นมาถึงแล้ว คำเรียกร้องขอความยุติธรรมก็ได้รับการตอบสนองแล้ว ทั้งสวรรค์และแผ่นดินโลกซึ่งเฝ้ามองอยู่ร้องประกาศถึงความชอบธรรมของพระยาห์เวห์ {GC 673.1} GCth17 581.1

ผลงานแห่งการทำลายของซาตานจบสิ้นไปตลอดกาล ตลอดระยะเวลาหกพันปีที่ผ่านมามันกระทำการตามความมุ่งหมายของมัน ซึ่งทำให้โลกเต็มไปด้วยความทุกข์และเป็นเหตุให้ทั่วทั้งจักรวาลได้รับความโศกเศร้า ทุกๆ สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาต่างร้องคร่ำครวญและทุกข์ระทมร่วมกันด้วยความเจ็บปวด บัดนี้ สิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้างมานั้นได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากการเป็นอยู่ของซาตานและจากการทดลองของมันไปตลอดกาล “ทั่วทั้งโลกก็หยุดพักและสงบอยู่ เขาทั้งหลายโห่ร้องด้วยความยินดี” อิสยาห์ 14:7 และเสียงโห่ร้องแห่งการสรรเสริญและชัยชนะได้ลอยขึ้นจากจักรวาลทั้งปวงที่ภักดีต่อพระองค์ “เสียงเหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลายและเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่” วิวรณ์ 19:6 {GC 673.2} GCth17 581.2

ในขณะที่แผ่นดินโลกถูกไฟแห่งการทำลายเผาอยู่นั้น บรรดาผู้ชอบธรรมอยู่อย่างปลอดภัยในนครศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการเป็นขึ้นจากความตายครั้งแรกนั้น ความตายครั้งที่สองไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา ในขณะที่พระเจ้าทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญสำหรับคนชั่วแต่สำหรับประชากรของพระองค์แล้ว พระองค์ทรงเป็นทั้งดวงอาทิตย์และโล่ป้องกัน วิวรณ์ 20:6 สดุดี 84:11 {GC 673.3} GCth17 581.3

“ ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว” วิวรณ์ 21:1 เพลิงที่เผาผลาญคนชั่วนั้นชำระโลกให้บริสุทธิ์ ร่องรอยแห่งคำสาปแช่งทั้งหมดถูกกำจัดทิ้งไป ไม่มีนรกที่มีไฟเผาอยู่ตลอดกาลที่คอยเตือนถึงผลน่ากลัวของบาปอยู่เบื้องหน้าผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดแล้ว {GC 674.1} GCth17 582.1

สิ่งเตือนใจเพียงอย่างเดียวที่หลงเหลืออยู่ คือ พระผู้ไถ่ของเราจะยังคงมีเครื่องหมายของการตรึงกางเขนติดตัวอยู่ตลอดไป บาดแผลบนพระเศียรของพระองค์ ที่สีข้างของพระองค์ ที่พระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ เป็นร่องรอยเดียวของความโหดเหี้ยมของบาปที่ยังคงเหลืออยู่ ผู้เผยพระวจนะกล่าวในขณะที่เฝ้ามองเห็นพระคริสต์ในพระสิริของพระองค์ว่า “พระรัศมีของพระองค์ดังแสงสว่าง มีลำแสงแวบมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ ที่นั่น พระองค์ทรงซ่อนฤทธานุภาพของพระองค์” ฮาบากุก 3: 4 สีข้างที่ถูกแทงซึ่งมีเลือดแดงก่ำไหลเป็นทางออกมานั้นได้นำมนุษย์กลับมาคืนดีกับพระเจ้า นั่นคือพระสิริของพระผู้ช่วยให้รอด เป็นที่ “ซ่อนฤทธานุภาพของพระองค์” “อานุภาพที่จะช่วยให้รอด” อิสยาห์ 63:1 เนื่องจากการเสียสละพระองค์เองเพื่อการไถ่บาปนั้น พระองค์จึงทรงมีกำลังเข้มแข็งที่จะกระทำการยุติธรรมแก่ผู้ที่ดูแคลนพระเมตตาของพระเจ้าได้ และเครื่องหมายแห่งความอัปยศของพระองค์เป็นเกียรติยศสูงสุดของพระองค์ ตลอดทุกยุคชั่วนิรันดรนั้นบาดแผลแห่งคาลวารีจะแสดงออกถึงการสรรเสริญและประกาศถึงอำนาจของพระองค์ {GC 674.2} GCth17 582.2

“โอ หอคอยที่เฝ้าฝูงสัตว์เอ๋ย เจ้าผู้เป็นเขาแห่งบุตรีศิโยน ราชอำนาจจะมาสู่เจ้า อาณาจักรดั้งเดิมจะกลับมา” มีคาห์ 4: 8 เวลานั้นมาถึงแล้วซึ่งเป็นเวลาที่เหล่ามนุษย์ผู้บริสุทธิ์เคยคอยเฝ้ามองด้วยความคาดหวังไปในภายภาคหน้านับตั้งแต่วันที่กระบี่เพลิงได้ขวางกั้นมนุษย์คู่แรกจากสวนเอเดน เป็นเวลา “รับมรดกของเรา จนกว่าคนของพระเจ้าจะได้รับการไถ่” เอเฟซัส 1:14 โลกซึ่งแต่เดิมได้ทรงโปรดมอบให้มนุษย์เพื่อเป็นแผ่นดินของเขาและถูกมนุษย์ทรยศให้ตกไปอยู่ในมือของซาตานและถูกศัตรูยึดครองมาเนิ่นนานนั้นถูกนำกลับคืนมาโดยแผนการยิ่งใหญ่แห่งการทรงไถ่บาป ทุกสิ่งที่เคยสูญหายไปเนื่องจากบาปก็ถูกนำกลับคืนมา “พระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ ..ผู้ทรงปั้นแผ่นดินโลกและทำมันไว้ พระองค์ทรงสถาปนามันไว้ พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างมันให้ว่างเปล่า พระองค์ทรงปั้นมันไว้ให้มีคนอาศัย” อิสยาห์ 45:18 แผนการดั้งเดิมของพระเจ้าในการสร้างโลกขึ้นมานั้นก็สำเร็จจริงแล้วด้วยการให้เป็นที่พักอาศัยของผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาป “คนชอบธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นนิตย์” สดุดี 37:29 {GC 674.3} GCth17 582.3

ความวิตกกังวลในเรื่องการจัดหามรดกในอนาคตซึ่งดูเหมือนเป็นเชิงวัตถุมากเกินไปนั้น ส่งผลให้คนมากมายทำความจริงของการมองว่าเป็นบ้านของเรากลายเป็นเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณไปเลย พระคริสต์ประทานความมั่นใจให้แก่สาวกของพระองค์ว่า พระองค์เสด็จไปเพื่อจัดเตรียมคฤหาสน์หลายแห่งในพระนิเวศของพระบิดาให้แก่เขาทั้งหลาย ยอห์น14:2 KJV ผู้ที่รับคำสอนในพระวจนะของพระเจ้าจะไม่เป็นผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับสวรรค์เบื้องบน และถึงกระนั้น “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” 1 โครินธ์ 2:9 ภาษามนุษย์นั้นไม่เพียงพอที่จะบรรยายถึงบำเหน็จของผู้ชอบธรรมได้ มีเพียงผู้ที่เห็นเท่านั้นจึงจะเข้าใจ สมองอันจำกัดของมนุษย์ไม่สามารถหยั่งรู้รัศมีภาพของสวรรค์ของพระเจ้าได้ {GC 674.4} GCth17 582.4

พระคัมภีร์เรียกมรดกของผู้ที่ได้รับความรอดว่า “เมือง” ฮีบรู 11:14-16 ณ ที่นั่น พระผู้เลี้ยงแห่งสวรรค์ทรงนำฝูงแกะของพระองค์ไปยังน้ำแห่งชีวิต ต้นไม้แห่งชีวิตออกผลทุกเดือนและใบของต้นนั้นจะรับใช้ประชาชาติ ที่นั่นมีลำธารหลายสายซึ่งไหลอยู่ชั่วนิรันดร์ ใสดั่งแก้ว และข้างลำธารจะมีต้นไม้ที่โบกกิ่งไสวไปมาซึ่งทอดร่มเงาบนทางเดินที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงไถ่ให้รอดแล้ว ที่นั่นมีพื้นราบอันกว้างใหญ่ที่โค้งขึ้นไปเป็นเนินเขาอันงดงามและภูเขาของพระเจ้ายืนตระหง่านอยู่ด้านหลัง บนพื้นราบอันสงบข้างธารน้ำที่มีชีวิตเหล่านั้น ประชากรของพระเจ้าซึ่งแสวงหาและเดินทางมาเนิ่นนานจะได้พบบ้านพักอาศัยที่นั่น {GC 675.1} GCth17 583.1

“ชนชาติของข้าพเจ้าจะอาศัยในที่อยู่แห่งสันติสุข ในบ้านเรือนปลอดภัยและในที่พักสงบ” “จะไม่ได้ยินถึงความรุนแรงในแผ่นดินของเจ้าอีก และไม่ได้ยินถึงการล้างผลาญหรือการทำลายในเขตแดนของเจ้า เจ้าจะเรียกกำแพงเจ้าว่าความรอด และเรียกประตูเมืองเจ้าว่าการสรรเสริญ” “พวกเขาจะสร้างบ้านและเข้าอยู่ในนั้น เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน พวกเขาจะไม่สร้างบ้านแล้วคนอื่นได้เข้าอาศัยอยู่ เขาจะไม่ปลูกสวนแล้วคนอื่นได้กิน......ผู้เลือกสรรของเราจะใช้ผลงานจากมือของเขาไปนาน” อิสยาห์ 32:18; 60:18; 65:21, 22 {GC 675.2} GCth17 583.2

ณ ที่นั่น “ถิ่นทุรกันดารและพื้นดินแห้งแล้งจะยินดี ที่ราบแห้งแล้งจะเปรมปรีดิ์และผลิดอกอย่างต้นดอกฝรั่น” “ต้นสนสามใบจะงอกขึ้นแทนต้นหนาม ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้นแทนต้นไมยราบ และมันจะเป็นอนุสรณ์แด่พระยาห์เวห์เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ที่จะไม่ถูกตัดออกเลย” “สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงโตหนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน และเด็กเล็กๆ จะนำมันไป” “จะไม่มีการทำให้เจ็บปวดหรือการทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา” อิสยาห์ 35:1; 55:13; 11:6, 9 {GC 675.3} GCth17 583.3

ความเจ็บปวดจะไม่มีในบรรยากาศของสวรรค์ จะไม่มีน้ำตาอีกต่อไป ไม่มีขบวนแห่ศพ ไม่มีเครื่องหมายแสดงการไว้ทุกข์ “ ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว” “ ไม่มีชาวเมืองคนไหนจะพูดว่า ‘ ข้าป่วยอยู่’ ประชาชนผู้อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัย” วิวรณ์ 21:4 อิสยาห์ 33:24 {GC 676.1} GCth17 584.1

กรุงเยรูซาเล็มใหม่จะอยู่ที่นั่น เป็นเมืองหลวงของโลกใหม่ที่ได้รับเกียรติ “ท่านจะเป็นมงกุฎงามในพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ และเป็นราชมงกุฎในพระหัตถ์พระเจ้าของท่าน” “ใสสว่างเหมือนอย่างอัญมณี เหมือนอย่างพลอยสีเขียวที่ใสดังแก้วผลึก” “ประชาชาติต่างๆ จะเดินโดยอาศัยแสงสว่างของนครนั้น และกษัตริย์ทั้งหลายในแผ่นดินโลกจะนำศักดิ์ศรีของตนเข้ามาในนครนั้น” พระเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรมปรีดิ์เพราะเยรูซาเล็ม และชื่นบานเพราะประชากรของเรา” “ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา” อิสยาห์ 62:3 วิวรณ์ 21:11, 24 อิสยาห์ 65:19 วิวรณ์ 21:3 TKJV {GC 676.2} GCth17 584.2

ในนครของพระเจ้านั้น “กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป” ไม่มีผู้ใดต้องการหรืออยากพักผ่อน การทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือการถวายสรรเสริญพระนามของพระองค์ไม่สร้างความเหน็ดเหนื่อย เราจะรู้สึกถึงความสดชื่นของยามเช้าตลอดไปและจะอยู่ห่างไกลตลอดไปจากช่วงเวลาท้ายของวัน “เขาไม่จำเป็นต้องมีแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขาทั้งหลาย” วิวรณ์ 22:5 รัศมีเจิดจ้าซึ่งไม่ทำให้แสบตาจะเข้ามาแทนที่แสงของดวงอาทิตย์ แต่กระนั้น แสงนั้นจะสว่างกว่าแสงในยามเที่ยงวันของเรา พระสิริของพระเจ้าและของพระเมษโปดกเต็มล้นปกคลุมเมืองบริสุทธิ์ด้วยแสงที่ไม่เลือนหายไป ผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปจะเดินในความสว่างจ้าที่ปราศจากดวงอาทิตย์ของกลางวันตลอดกาล {GC 676.3} GCth17 584.3

“ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในนครนั้น เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกเป็นพระวิหารในนครนั้น” วิวรณ์ 21:22 ประชากรของพระเจ้าได้รับสิทธิพิเศษที่จะสนทนาอย่างเปิดเผยกับพระบิดาและพระบุตร “เวลานี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก” 1 โครินธ์ 13:12 เรามองเห็นพระฉายาของพระเจ้าสะท้อนออกมาดั่งกระจกเงาจากธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างและในการจัดการของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ แต่ต่อจากนี้เราจะเห็นพระองค์ตัวต่อตัวโดยไม่มีม่านขวางกั้นเลย เราจะยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์และเห็นพระสิริบนพระพักตร์ของพระองค์ {GC 676.4} GCth17 584.4

ที่นั่น ผู้ที่ได้รับการไถ่จากบาปจะได้รู้จักพระองค์เหมือนเช่นที่พระองค์ทรงรู้จักพวกเขา ที่นั่น ความรักและความเห็นใจที่พระเจ้าเองทรงปลูกฝังลงในจิตวิญญาณจะได้พบกับการฝึกฝนอย่างแท้จริงและหวานชื่นที่สุด การสนทนาอันบริสุทธิ์กับสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ชีวิตทางสังคมซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทูตสวรรค์ผู้ประเสริฐและกับเหล่าผู้ซื่อสัตย์จากตลอดทุกยุคซึ่งได้ชำระเสื้อคลุมของพวกเขาและทำให้ขาวด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก ความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อม “ทุกตระกูลในสวรรค์ [และ] บนแผ่นดินโลก” (เอเฟซัส 3:15) สิ่งเหล่านี้ประกอบกันขึ้นเป็นความสุขของผู้ที่ถูกไถ่จากบาป {GC 677.1} GCth17 585.1

ณ ที่แห่งนั้น สมองอันเป็นอมตะจะใคร่ครวญด้วยความสุขใจอย่างไม่มีวันจางหายถึงความมหัศจรรย์ของอำนาจแห่งการทรงสร้างและความลึกลับของความรักแห่งการไถ่ให้พ้นจากบาป จะไม่มีศัตรูผู้โหดเหี้ยมและการหลอกลวงเพื่อล่อลวงให้ลืมพระเจ้า อวัยวะทุกส่วนของร่างกายจะพัฒนาขึ้นมาและความสามารถก็เพิ่มขึ้น การแสวงหาความรู้จะไม่ทำให้สมองอ่อนเปลี้ยหรือใช้พลังงานไปจนหมดสิ้น ณ ที่นั่น กิจการงานยิ่งใหญ่ที่สุดจะดำเนินต่อไป ความปรารถนาอันสูงส่งที่สุดจะก้าวไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ความมุ่งหวังที่สูงที่สุดจะสำเร็จ และก็ยังจะมีความสูงส่งใหม่ๆ ที่จะให้พิชิต มีความมหัศจรรย์ใหม่ๆ ที่จะให้ชื่นชม มีความจริงใหม่ๆ ที่จะให้ทำความเข้าใจ มีสิ่งใหม่ๆ ที่จะก่อให้เกิดพลังอำนาจของจิตใจ จิตวิญญาณและร่างกาย {GC 677.2} GCth17 585.2

สมบัติทั้งหมดของจักรวาลจะถูกเปิดออกให้แก่คนของพระเจ้าที่ได้รับการไถ่จากบาปได้ศึกษา เมื่อไม่ถูกความตายผูกมัดไว้แล้ว พวกเขาจึงบินด้วยปีกซึ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปยังโลกที่ไกลโพ้นออกไป ซึ่งเป็นโลกที่ตัวสั่นด้วยความโศกเศร้าเมื่อเห็นภาพความทุกข์โศกเศร้าของมนุษย์และร้องเพลงแห่งความชื่นชมเมื่อทราบข่าวของจิตวิญญาณที่ถูกไถ่ให้รอดแล้ว ด้วยความสุขใจที่ไม่อาจเปล่งออกมาเป็นวาจาได้นั้น บุตรทั้งหลายของโลกก้าวเข้าสู่ความสุขและสติปัญญาของผู้ที่ไม่เคยล้มลงในบาป พวกเขาแบ่งปันทรัพย์สมบัติแห่งปัญญาและความเข้าใจที่ได้รับเพิ่มมาตลอดทุกยุคจากการไตร่ตรองถึงพระหัตถกิจของพระเจ้า พวกเขามองด้วยสายตาที่ไม่พร่ามัวและเห็นรัศมีภาพของสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา คือดวงอาทิตย์และดวงดาวและระบบทั้งปวง ทุกอย่างอยู่ในลำดับที่ถูกกำหนดไว้โคจรเป็นวงกลมรอบพระบัลลังก์ของพระเจ้า พระนามของพระเจ้าจารึกอยู่ในทุกสิ่งนับตั้งแต่สิ่งที่เล็กที่สุดจนถึงสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด และในทั้งหมดนั้นอำนาจของพระองค์จะปรากฏให้เห็นอย่างบริบูรณ์ {GC 677.3} GCth17 585.3

ในขณะที่เวลาแห่งนิรันดร์กาลแล่นผ่านไป จะเปิดเผยให้เห็นพระเจ้าและพระคริสต์ด้วยพระสิริที่เพิ่มมากขึ้นและงามสง่าอย่างอุดมมากขึ้น ในขณะที่ความรู้เพิ่มมากขึ้นนั้น ความรักและความเคารพบูชาและความสุขก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน มนุษย์ยิ่งเรียนรู้จักพระเจ้ามากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็จะชื่นชมพระลักษณะของพระองค์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อพระเยซูทรงเปิดเผยให้พวกเขาเห็นความไพบูลย์ของการทรงไถ่บาปและความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ใจของความขัดแย้งยิ่งใหญ่กับซาตานแล้ว จิตใจของผู้ที่ถูกไถ่ให้รอดแล้วจะสั่นรัวด้วยความภักดีอันแรงกล้าและด้วยความสุขอันล้นเหลือมากยิ่งขึ้น พวกเขาดีดพิณทองคำ และเสียงของคนนับแสนๆ ล้านๆ ก็ร่วมกันเปล่งเสียงร้องสรรเสริญอย่างยิ่งใหญ่ {GC 678.1} GCth17 586.1

“ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด ทั้งในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก ในมหาสมุทร และทุกสิ่งซึ่งอยู่ในที่เหล่านั้น ร้องว่า ขอให้คำสดุดี พระเกียรติ พระสิริและอานุภาพ จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งและแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์” วิวรณ์ 5:13 {GC 678.2} GCth17 586.2

ความขัดแย้งยิ่งใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว บาปและคนบาปไม่มีอีกต่อไป จักรวาลทั้งหมดสะอาดบริสุทธิ์ ชีพจรหนึ่งเดียวแห่งความปรองดองและความชื่นชมยินดีเต้นผ่านสรรพสิ่งทั้งปวงที่ได้ทรงสร้าง ชีวิตและความสว่างและความชื่นบานหลั่งไหลมาจากพระองค์ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั่วทั้งห้วงอวกาศอันไร้ขอบเขต จากอะตอมที่เล็กที่สุดไปจนถึงโลกที่ใหญ่ที่สุดนั้น ทุกสิ่งทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ในความงามที่ไม่ถูกเงามืดบดบังและความยินดีอันสมบูรณ์ของพวกเขา ต่างร่วมกันประกาศว่า พระเจ้าทรงเป็นความรัก {GC 678.3} GCth17 586.3

*****