ปลายทาง แห่งความหวัง

35/76

การฟ้นจากความตายครั้งแรก

บรรดาผู้ที่ “สมควรจะลุถึงยุคหน้า” จะพินสู่ชีวิต “เป็นสุขและ บริสุฑธิ้” “ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านั้น” (สูกา 20:35; วิวรณ์20:6) แต่บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการอภัยโทษโดยการกลับใจใหม่ และขาดความเชื่อจะต้องได้รับ “ค่าจ้างของความบาป” ถูกลงโทษ “ตาม การที่เขาประพฤติ” จบลงด้วย “ความตายครั้งที่สอง” GrHTh 46.1

ในเมื่อพระเจ้าไม่สามารถจะช่วยคนบาปให้รอดได้ เพราะเขาไม่ยอม ละทิ้งบาปของตน พระองค์จึงทำลายเขาเสียสมกับการกระทำผิดของเขา และเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ไม่มีค่าอ้นใด ย้งอีกหน่อยหนึ่งคนอธรรม จะไม่มีอีก แม้จะมองที่ของเขาให้ดีเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั้น” “เขาจะเป็นเหมือน คนที่ไม่เคยเกิดมา” (สดุดี 37:10; โอบาดีห์ 16) เขาตกลงไปในความ สิ้นหวังและไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกต่อไป GrHTh 46.2

ด้วยนี้ความผิดบาปก็หมดสิ้นไป “พระองค์ทรงทำลายคนอธรรม แล้วทรงลบชื่อเขาออกเสียเป็นนิจ ศัตรูได้อันตรธานไปในความพินาศเป็น นิตย์” (สดุดี 9:5, 6) ท่านยอห์นได้อธิบายในพระธรรมวิวรณ์ว่าท่านได้ยิน เสียงร้องเพลงสรรเสริญฑั่วจ้กรวาล ไม่มีแม้แต่เสียงเดียวมาทำให้เพลง นั้นขาดความไพเราะ ไม่มีจิตวิญญาณที่หลงหายแม้แต่ดวงเดียว กล่าวคำ หมิ่นประมาทพระเจ้าหรือถูกทรมานที่ไม่มีสิ้นสุด ไม่มีคนเคราะห์ร้ายใน นรกจะกรีดร้อง รบกวนการร้องเพลงของบรรดาผู้ที่รอดแล้ว เกี่ยวกับ ความผิดในเรื่องธรรมชาติของความตาย มีหลักความเชื่อของคนตายที่ยัง มีความรู้สึกอยู่ด้วย เช่นการถูกทรมานตลอดกาล ซึ่งขัดแย้งกับพระคัมภีร์ ขัดแย้งต่อเหตุผลและความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ของเราตามความเชื่อ ถือที่รู้จักกันดี กล่าวว่าคนที่ได้ขึ้นไปสวรรค์รู้เรื่องความเป็นไปที่เกิดขึ้นใน แผ่นดินโลกทุกอย่าง แต่คนตายแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร หากเขา ทราบถึงความลำบากยากแค้นของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเห็นคนเหล่านั้น ทนทุกข์กับความโศกเศร้า ความผิดหวัง ความลำบากยากแค้นในชีวิต ช่างขัดแย้งกับความเชื่อที่สอนว่า ทันทีที่ลมหายใจออกจากร่างแล้ว วิญญาณของคนที่ไม่กลับใจใหม่จะถูกเผาผลาญอยู่ในไฟนรกยิ่งนัก GrHTh 46.3

พระคัมภีร์ว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า คนตาย แล้วไม่มีความรู้สึก “เมื่อลมหายใจของเขาพรากไป เขาก็กลับคืนเป็นดิน และในวันเดียวกันนี้นความคิดของเขาก็พินาศไป” “เพราะว่าคนเป็นย่อม รู้ว่าเขาเองคงจะตาย ความรักของเขาไม่นัอยกว่าความขังและความอิจฉา ของเขาได้สาปสูญไปตามกันนานแล้ว ในบรรดาการที่บังเกิดขึ้นภายใต้ ดวงอาทิตย์เขาทั้งหลายหามีส่วนร่วมอีกต่อไปไม่” “เพราะแดนคนตาย โมทนาพระคุณพระองค์ไม่ได้ คนเป็น คนเป็น เขาโมทนาพระคุณ พระองค์อย่างที่ข้าพระองค์กระทำวันนี้” “เพราะถ้าในความตายไม่มีการ ระลึกถึงพระองค์แล้ว ในแดนผู้ตายใครเล่าจะโมทนาพระคุณของพระองค์” (สดุดี 146:4; ปัญญาจารย์ 9:5, 6; อิสยาห์ 38:18, 19; สดุดี 6:5) GrHTh 47.1

ในวันเทศกาลเพ็นเทคอส เปโตรประกาศว่ากษ้ตริย์ดาวิด “สิ้น ชีวิตแล้วฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้” “ท่านดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์” (กิจการของอัครทูต 2:29, 34) ความ จริงเกี่ยวกับดาวิดยังอยู่ในหลุมฝังศพจนถึงวันฟืนคืนชีพ พิสูจนัให้เห็นว่า คนชอบธรรมตายไม่ได้ไปสวรรค์ทันที GrHTh 47.2

เปาโลกส่าวว่า “ถ้าคนตายไม่ถูกทรงชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ ก็ไม่ได้ชุบพระคริสต่ให้เป็นขึ้นมา เพราะว่าถ้าการชุบให้เป็นขึ้นมาไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังคงตกอยู่ในความบาปของตนและคนทั้งหลายที่ล่วงหลับใน พระคริสต์ก็พินาศไปด้วย” (1 โครินธ์ 15:16-18) หากตลอดเวลา 4,000 ปี ที่ผ่านมา เมื่อคนชอบธรรมตายเขาไปสวรรค์ทันที เปาโลจะกล่าวได้ อย่างไรว่าถ้าไม่มีการเป็นขึ้นมาจากความตาย “คนทั้งหลายที่ล่วงหลับ ในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย” GrHTh 47.3

ก่อนอำลาเหล่าสาวกของพระองค์ พระเยซูมิได้ตรัสบอกเขาว่า อีกไม่นานเขาจะไปพบพระองค์ แต่ทรงตรัสว่า “เพราะเราไปจัดเตรียม ที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เรา จะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา” (ยอห์น 14:2, 3) เปาโลให้รายละเอียด มากขึ้นว่า “ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัส สั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้าและคน ทั้งปวงที่ตายในพระครสิต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราทั้งหลาย ซึ่งยังเป็นอยู่จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้นและจะได้พบ องค์พระผู้เจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นนิตย์” และกล่าวต่อไปว่า “เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันด้วยถ้อยคำ เหล่านี้เถิด” (1 เธสะโลนิกา 4:16-18) เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา อุโมงค์ฝังศพจะเปิดออก “คนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้ว” จะเป็น ขึ้นมาจากความตายสู่ชีวิตนิรันดร GrHTh 48.1

ทุกคนจะถูกพิพากษาตาม บ้นทึกในหนังสือชีวิต และเขาจะได้ รับบำเหน็จรางว้ลตามการประพฤติของตน การพิพากษานี้จะไม่เถิดขึ้น ทันทีเมื่อเขาตาย “เพราะพระองค์ใต้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในรันนั้น พระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม” “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ เสด็จมาพร้อมกับผู้บริสุทธิ้ของพระองค์เป็นหมื่นๆ เพื่อทรงพิพากษา ปรับโทษคนทั้งปวง” (กิจการ 17:31; ยูดา 14, 15) GrHTh 48.2

แต่ถ้าคนตายมีความสุขอยู่ในสวรรค์ หรือทนทุกข์ทรมานอยู่ใน ไฟนรก การพิพากษาในอนาคตก็ไม่มีความจำเป็นอะไร สมองของคน ธรรมดาก็สามารถเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าได้ จิตใจที่ไม่มีอคติจะ สามารถมองเห็นถึงสติปัญญาและความยุติธรรมตามทฤษฎีที่มีอยู่ ขณะนี้ได้อย่างไร หรือว่าคนชอบธรรมจะได้รับคำยกย่องว่า“ดีแล้วเจ้า เป็นทาสดีและซื่อสัตย์ เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด” ในขณะที่ พวกเขาได้เข้าเฝัาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ตลอดเวลาอ้นยาวนาน อย่างนั้นหรือ หรือคนชั่วร้ายจะถูกเรียกตัวมาจากการถูกทรมานเพื่อ รับคำจากพระองค์ผู้พิพากษาว่า “ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไป จากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์” (มัทธิว 25:21, 41) GrHTh 48.3

ทฤษฏีที่สอนว่าจิตวิญญาณไม่ตายนั้นเป็นหนึ่งในหลักความ เชื่อเท็จที่คริสตจักรโรมนำมาจากลัทธินอกศาสนา มาร์ติน ลูเธอร์ จัด ลำตับคำสอนนี้รวมเข้ากับ “นิกายอ้นชั่วร้าย เป็นราชโองการอ้นแสน สกปรกของลันตะปาปาที่รวมขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในคำสอนของโรม” พระคัมภีร์ สอนว่าคนตายนอนหลับอยู่จนกว่าจะถึงจันคืนชีพ GrHTh 49.1

ความสุขในการพิกผ่อนเป็นของคนชอบธรรมผู้อ่อนล้า สำหรับ คนเหล่านี้ไม่ว่าเวลาข้าหรือเร็วเป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ขณะที่เขานอน หลับอยู่นั้นเสียงแตรของพระเจ้าจะปลุกให้ตื่นขึ้นสู่กายอมตะที่แห่งรัศมี “เพราะว่าจะมีเสียงแตรและคนที่ตายและจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่า เปีอย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะว่าสิ่งซึ่งเน่าเปีอยและ สภาพต้องตายนี้จะสวมสภาพไม่ตาย เมื่อนั้นตามที่เขียนไว่ในพระคัมภีร์ จะสำเร็จว่าความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว” (1 โครินธ์ 15:52-54) GrHTh 49.2

เมื่อถูกเรียกให้ตื่นจากการหลับ เขาเริ่มคิดถึงเวลาก่อนตาย ความรู้สึกสุดท้ายของเขาคือความเจ็บปวดทรมานของความตาย และ ความคิดสุดท้ายคือเขาตกอยู่ภายใต้อำนาจของหลุมฝังศพ (เซิงตะกอน) เมื่อพินคืนชีพแล้วสิ่งแรกที่เขาจะคิดถึงก็คือความชื่นซมยินดีและจะ ส่งเสียงร้องอย่างมีชัย “โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ ความตาย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน?” (1 โครินธ์15:55) GrHTh 49.3

***** GrHTh 49.4