คำแนะนำสำหรับคริสต์จักร เล่มที่ 1

10/123

บทที่ ๑

นิมิตเกี่ยวกับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม

ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิฐานอยู่ที่แท่นบูชาของครอบครัว พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สวมทับข้าพเจ้าไว้ และข้าพเจ้ารู้สึกเหมือน กับว่าตัวข้าพเจ้าลองสูงขึ้นเหนือโลกที่มืดมนธ์ ข้าพเจ้าหันกลับ ไปมองหาคนทั้งหลายในแผ่นดินโลกที่กำลังรอคอยการเสด็จกลับ มาของพระเยซู แต่ข้าพเจ้าไม่พบคนเหล่านั้น แล้วข้าพเจ้าได้ยิน เสียงๆหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า “จงทองดูอีกครั้งหนึ่งและมองสูงขึ้น ไปอีกเล็กน้อย” เมื่อได้ฟังดังนั้นข้าพเจ้าก็ช้อนสายตาขึ้น และ ข้าพเจ้าได้เห็นทางตรงแคบๆทางหนึ่งอยู่สูงเหนือแผ่นดินโลก บนทางสายนี้คนทั้งหลายที่คอยท่าพระเยซูกำลังเดินไปที่เมือง บริสุทธิ์ของพระเจ้าซึ่งอยู่ที่ปลายทาง คนเหล่านั้นมีแสงสว่างจ้า ส่องอยู่ข้างหลังเขาจากต้นทาง ซึ่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งบอกข้าพเจ้า ว่าเป็น เสียงเรียกเที่ยงคืน แสงสว่างนี้ส่องไปตลอดทาง ช่วยให้ พวกเหล่านั้นเดินไปโดยไม่สะดุดหกล้ม ถ้าเขาจับตาดูพระเยซู ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขา และทรงนำเขาไปที่เมืองนั้นเขาก็ปลอดภัย แต่ ในไม่ช้ามีบางคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและบอกว่าเมืองนั้นอยู่ไกลมาก และเข้าหวังว่าจะได้เข้าในเมืองนั้นก่อนหน้านี้ แล้วพระเยซูทรง ยกพระกรข้างขวาที่มีรัศมีสุกใสรุ่งเรืองของพระองค์ขึ้นเพื่อช่วยให้ เขามีกำลังใจเดินต่อไป มีแสงสว่างส่องจากพระกรของพระเยซู อยู่เหนือคนทั้งหลายที่รอคอยพระเยซู และเขาได้ปล่งเสียงร้องว่า “ฮาละลูยา” คนอื่นๆไม่ยอมดำเนินตามแสงสว่างที่ส่องอยู่เบื้อง หลังเขาและพูดว่าพระเจ้ามิได้ทรงนำเขาให้เดินมาไกลถึงเพียงนั้น แสงสว่างที่ส่องอยู่เบื้องหลังคนเหล่านั้นดับมืดลง และปล่อยให้ เขาเดินต่อไปในความมืด เขาสะดุดหกล้มเขามองไม่เห็นจุดหมาย ปลายทางและไม่เห็นพระเยซู แล้วเขาก็พลัดตกจากทางนั้นลงมา สู่โลกที่ชั่วร้ายเบื้องล่าง ในไม่ช้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า เหมือนเสียงน้ำไหลจากแม่น้ำหลายสาย เสียงนั้นบอกให้เราทราบ ถึงวันและชั่วโมงที่พระคริสต์จะเสด็จมา บรรดาสาธุชน ๑๔๔,๐๐๐ คนที่ยังมีชีวิตอยู่รู้จักและเข้าใจเสียงนั้น ส่วนคนชั่วร้ายคิดว่าเป็น เสียงฟ้าร้องและแผ่นดินไหว เมื่อพระเจ้าตรัสบอกเวลาที่พระเยซู จะเสด็จมาให้เราทราบ พระองค์ทรงหลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลง ลงบนเรา และดวงหน้าของเรามีรัศมีสุกใส เพราะได้รับสง่าราศรี ของพระเจ้าเช่นเดียวกับดวงหน้ายองโมเซมีรัศมีสุกใสเมื่อเขากลับ ลงมาจากภูเขาซีนาย CCh1 71.1

บรรดาสาธุชน ๑๔๔,๐๐๐ คนนั้น มีตราของพะเจ้าประทับ ที่หน้าผาก และพวกเหล่านั้นมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บนหน้าผาก ของเขามีคำว่า “พระเจ้า กรุงยะรูซาเล็มใหม่” และดวงดาวรัศมี สุกใสมีพระนามใหม่ของพระเยซูจารึกไว้ เมื่อเหล่าคนชั่วร้าย เห็นพวกเราอยู่ในสภาพที่มีความสุขและบริสุทธิ์ชอบธรรม ก็รู้สึก โกรธและคิดจะวิ่งเข้ามาจับเราไปขังไว้ในคุก แล้วเราได้ยื่นมือ ออกในนามของพระเยซูคริสต์ และพวกคนชั่วร้ายเหล่านั้นได้ล้ม ลงสิ้นสติอยู่บนพื้นดิน แล้วคนทั้งหลายที่ติดตามซาตานก็ทราบว่า พระเจ้าทรงรักเราซึ่งสามารถจะชำระล้างเท้าของกันและกัน และ แสดงความเคารพต่อพวกพี่น้องของเราด้วยการจูบอย่างบริสุทธิ์ แล้วพวกเหล่านั้นได้ก้มลงนมัสการที่ปลายเท้าของเรา ในไม่ช้าเราได้หันไปมองดูทางทิศตะวันออก เห็นเมฆสีดำ ก้อนเล็กๆขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือปรากฏขึ้น เราทราบว่าเมฆนั้นเป็น หมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์ เราทุกคนเพ่งตาดูเมฆก้อนนั้นอย่าง เงียบๆ ขณะที่เมฆนั้นลอยใกล้เข้ามาและมีรัศมีสุกสว่างขึ้นทุกที จนกระทั่งเราเห็นเมฆนั้นกลับกลายเป็นเมฆสีขาวก้อนใหญ่ เบื้อง ล่างเมฆก้อนนั้นมีลักษณะเหมือนเปลวไฟ และมีรุ้งอยู่เหนือเมฆ นั้น รอบๆก้อนเมฆมีเหล่าทูตสวรรค์ ๑๐,๐๐๐ คน ร้องเพลง ไพเราะที่สุด และบุตรมนุษย์ประทับอยู่เหนือเมฆนั้น พระเกษา ของพระองค์มีสีขาวและหยิกหยักโศกสยายอยู่รองพระอังศา และ บนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎสวมอยู่หลายอัน พระบาทของ พระองค์มีรัศโชติช่วงดังเปลวเพลิง ในพระหัตถ์ข้างขวาของพระ องค์มีเคียวอันคม พระหัตถ์ข้างซ้ายถือแตรเงิน พรเนตรของ พระองค์มีรัศมีสุกใสเหมือนแสงเพลิง และพระองค์ได้สอดส่าย พระเนตรมองดูเหล่าบุตรของพระองค์ แล้วดวงหน้าของทุกๆคน ก็ซีดเผือด และดวงหน้าของคนทั้งหลายที่พระเจ้าไม่ยอมรับเป็น พลไพร่ของพระองค์มีสีดำคล้ำ แล้วเราทั้งหลายได้พากันร้องว่า “ใครเล่าจะสามารถยืนอยู่ได้? เสื้อของข้าพเจ้าขาวสะอาดปราศ- จากจุดด่างพร้อยหรือ?” แล้วเหล่าทูตสวรรค์ได้หยุดร้องเพลงและ มีความเงียบอย่างน่ากลัวอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่พระเยซูตรัสว่า “คน ทั้งหลายที่มีมือสอาดและจิตใจบริสุทธิ์จะสามารถยืนอยู่ได้ พระคุณ ของเรามีเพียงพอสำหรับเจ้าทั้งหลาย” เมื่อได้ฟังเช่นนี้ดวงหน้า ของเราก็กลับชื่นบาน และจิตใจเราเต็มด้วยความชื่นชมยินดี แล้ว เหล่าทูตสวรรค์ก็ได้เปล่งเสียงร้องเพลงอีกขณะที่เมฆนั้นลอยต่ำลง มาใกล้แผ่นดินโลก แล้วเสียงแตรเงินของพระเยซูได้ดังกังวานขณะที่พระองค์ ลอยลงมาบนก้อนเมฆมีเปลวเพลิงห่อหุ้มพระองค์ไว้ พระองค์ ทอดพระเนตดูหลุมฝังศพของบรรดาสาธุชนที่สิ้นชีวิต แล้ว พระองค์ทรงเงยพระพักตรและชูพระหัตถ์ขึ้นสู่สวรรค์และร้องว่า “จงตื่นเถิด...จงตื่นเถิด...เจ้าทั้งหลายที่นอนอยู่ท่ามกลางผงคลีดิน จงลุกขึ้น” แล้วเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ หลุมฝังศพได้เปิดออก และบรรดาสาธุชนที่ตายแล้วได้กลับฟื้นคืนชีพเป็นผู้ไม่รู้จักตาย บรรดาสาธุชนที่ยังมีชีวิตอยู่ ๑๔๔,๐๐๐ คนได้เปร่งเสียงร้องว่า “ฮาละลูยา” ขณะที่เขามองเห็นบรรดามิตรสหายที่ตายจากเขาไป และในขณะเดียวกันนั้นเองเราทั้งหลายได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป แล้ว เราได้ลอยขึ้นไปพร้อมกับพวกเหล่านั้นเพื่อพบกับองค์พระผู้เป็น เจ้าในท้องฟ้า CCh1 72.1

เราทุกๆคนเข้าไปในก้อนเมฆนั้น เราลอยขึ้นไปเจ็ดวัน จนถึงทะเลแก้ว แล้วพระเยซูทรงนำมงกุฎมา และพระองค์หยิบ มงกุฎเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์แล้วสวมให้เรา พระองค์ประทานพิณทองคำและทางตาลแห่งความมีชัยให้เราถือ บนทะเลแก้วนี้บรรดาสาธุชน ๑๔๔,๐๐๐ คนยืนอยู่เป็นรูปสี่เหลี่ยม จัตุรัส บางคนในพวกเหล่านั้นมีสวมมงกุฎที่มีรัศมีสุกใส บางคน สวมมงกุฎที่ไม่มีรัศมีสุกใสมากนัก มงกุฎบางอันมีดาวประดับ มากมาย บางอันมีดาวสองสามดวง แต่ทุกๆคนมีความพอใจใน มงกุฎที่เขาสวม ทุกๆคนห่อหุ้มร่างด้วยเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ยาวจาก ไหล่ถึงปลายเท้า เหล่าทูตสวรรค์ห้อมล้อมเราขณะที่เราเดินข้าม ทะเลแก้วไปยังประตูเมืองบริสุทธิ์นั้น พระเยซูทรงยกพระกรอัน ทรงฤทธานุภาพของพระองค์ขึ้นผลักประตูมุกดานั้นให้เผยออก แล้วตรัสว่า “ท่านทั้งหลายได้ชำระเสื้อของท่านในโลหิตของเรา และได้ต่อสู้เพื่อความจริงของเราอย่างกล้าหาญ เชิญเข้ามาข้างใน” เราพากันเดินเข้าในประตูไปในเมือง และรู้สึกว่าเรามีสิทธิ์ที่จะ อยู่ในเมืองนั้นได้ CCh1 75.1

ในเมืองนั้นเราได้เห็นต้นไม้แห่งชีวิตและพระที่นั่งของ พระเจ้า มีแม่น้ำใสบริสุทธิ์ไหลจากพระที่นั่งของพระเจ้า และ บนฝั่งแม่น้ำแต่ละฝั่งมีต้นไม้แห่งชีวิต บนฝั่งแม่น้ำฝั่งหนึ่งมีต้น ไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง และอีกฝั่งหนึ่งมีต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ทั้งสอง ต้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเห็นต้นไม่สอง ต้น แต่เมื่อพิจารณาดูอีกครั้งหนึ่งก็เห็นต้นไม้สองต้นนั้นรวม ยอดเข้าเป็นต้นเดียวกัน ดังนั้นต้นไม้แห่งชีวิตจึงมีอยู่ทั้งสองฟาก แม่น้ำแห่งชีวิต ต้นไม้นั้นโน้มกิ่งลงตรงที่ๆเรายืนอยู่ และผล ของต้นไม้นั้นสุกน่ารับประทาน มีลักษณะคล้ายทองคำผสมเงิน CCh1 76.1

เราพากันไปนั่งใต้ร่มไม้นั้นแล้วทอดสายตาดูความงดงาม ของสถานที่นั้น และสมาชิกของคริสต์จักรผู้มีนามว่าฟิตช์และ สต๊อกแมน ซึ่งได้ประกาศกิตติคุณประเสริฐเกี่ยวกับแผ่นดินของ พระเจ้า และพระเจ้าโปรดให้เขาสิ้นชีวิต ได้เดินมาหาเราและ ถามเราว่า ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นแก่พวกเราบ้างขณะที่ทั้ง สองคนอยู่ในหลุมฝังศพ เราพยายามระลึกถึงความยากลำบากที่ เราได้รับ แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสง่าราศีของพระเจ้าที่อยู่ ล้อมรอบเราแล้ว ความยากลำบากเหล่านั้นดูเป็นสิ่งที่เล็กน้อยเสีย เหลือกเกิน เราจึงไม่สามารถจะพูดถึงความยากลำบากนั้น และเรา เปล่งเสียงร้องว่า “ฮาละลูยา” เราดีดพิณทองคำและเสียงเพลงที่ เราบรรเลงดังกล่าวไปทั่วสวรรค์ CCh1 76.2

แล้วพระเยซูทรงนำหน้าเราลงมาจากเมืองบริสุทธิ์นั้นสู่ แผ่นดินโลก เราเดินทางลงมาบนภูเขาใหญ่มหึมา ซึ่งไม่สามารถ จะต้านทานฤทธานุภาพพระเยซูได้ แล้วภูเขานั้นได้แยกออก และมีทุ่งราบกว้างใหญ่ แล้วเราได้เงยหน้าขึ้นดูเห็นเมืองใหญ่มี รากสิบสองราก และประตูสองสองบาน กำแพงเมืองแต่ละด้าน มีประตูสามบาน และมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งเฝ้าอยู่ที่ประตูแต่ละบาน เราพากันร้องว่า “นครบริสุทธิ์...นครบริสุทธิ์ของพระเจ้ากำลัง ลอยลงมาจากสวรรค์” แล้วนครนั้นได้ลอยลงมาตั้งอยู่ตรงที่ๆเรา ยืนอยู่ แล้วเราได้มองดูสิ่งสวยงามที่อยู่นอกเมืองนั้น” ณ ที่นั้น ข้าพเจ้าได้เห็นบ้านที่สวยงามที่สุด บ้านนั้นมีลักษณะเหมือนบ้าน ที่สร้างด้วนเงิน มีเสาสี่เสาประดับด้วยไข่มุกด์สวยงาม บ้านเหล่า นี้เป็นที่อาศัยของบรรดาสาธุชน ในบ้านแต่ละหลังๆมีหิ้งทำด้วย ทองคำ ข้าพเจ้าเห็นสาธุชนหลายคนเข้าไปในบ้านเหล่านั้น แล้ว ถอดมงกุฎออกวางบนหิ้งทองคำ แล้วออกไปที่ทุ่งนาข้างบ้าน มี แสงสว่างส่องรอบศีรษะของเขา และพวกเหล่านั้นร้องสรรเสริญ พระเจ้าอยู่เรื่อยๆ CCh1 77.1

ข้าพเจ้าเห็นทุ่งนาอีกแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้ทุกๆชนิด และขณะที่ข้าพเจ้าเก็บดอกไม้เหล่านั้นข้าพเจ้าได้ร้องว่า “ดอกไม้ เหล่านี้จะไม่เหี่ยวแห้งร่วงโรย” ต่อมาข้าพเจ้าเห็นทุ่งนาอีกแห่ง หนึ่งเต็มไปด้วยหญ้าสูง มีสีเขียวสดสวยงามและมีประกายเลื่อม เหมือนสีเงินและทองคำ ขณะที่ต้นหญ้าเหล่านั้นสะบัดโบกยอด ถวายสง่าราศีแก่พระเยซูพระมหากษัตริย์ของเรา แล้วเราเข้าไป ในทุ่งนาอีกแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด มีสิงห์โต ลูกแกะ เสือดาว และสุนัขป่า สัตว์เหล่านั้นอยู่ด้วยกันอย่างสงบไม่ทำร้าย กันเลย เราเดินผ่านไปในท่ามกลางสัตว์เหล่านั้น และมันพากัน ตามเรามาอย่างสงบ แล้วเราได้เข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง ป่านี้ไม่มี ลักษณะมืดทึบน่ากลัวเหมือนป่าในแผ่นดินโลก แต่มีแสงสว่างอยู่ ทั่วบริเวณ กิ่งไม้ไหวไปมา และเราร้องว่า “เราจะอาศัยอยู่อย่าง ปลอดภัยในป่ารกและนอนในป่าละเมาะ” เราเดินผ่านป่าละเมาะ เพราะเรากำลังเดินทางไปยังภูเขาซีโอน CCh1 78.1

ขณะที่เรากำลังเดินทางไปนั้น เราได้พบคนหมู่หนึ่งซึ่ง เที่ยวเดินชมความงามของสถานที่นั้น ข้าพเจ้าสังเกตเห็นมีผ้าสี แดงขลิบชายเสื้อขงเขา มงกุฎของเขามีรัศมีสุกใส และเสื้อของ เขาสีขาวบริสุทธิ์ ขณะที่เราหยุดทักทายพวกเหล่านั้นข้าพเจ้าได้ ทูลถามพระเยซูว่าพวกเหล่านั้นคือใคร พระองค์ตรัสว่าเขาเป็น พวกที่ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา มีเด็กเล็กๆหมู่ใหญ่รวมอยู่กับพวก เหล่านั้นด้วย เด็กๆเหล่านั้นสวมเสื้อขลิบริมสีแดงเช่นเดียวกัน ภูเขาซีโอนอยู่ตรงหน้าเรา และบนภูเขานั้นมีวิหารที่สวยงาม รอบๆภูเขานั้นมีภูเขาอื่นๆอีกเจ็ดลูก บนภูเขาเหล่านั้นมีดอก กุหลาบและดอกพลับพลึงบานอยู่เต็ม และข้าพเจ้าเห็นพวกเด็ก เล็กๆเหล่านั้นปีนขึ้นบนภูเขา บางคนก็ใช้ปีกเล็กๆบินขึ้นไป เก็บดอกไม้ที่ไม่รู้โรยบนยอดเขา รอบๆวิหารมีต้นไม้ทุกชนิด ทำให้สถานที่นั้นดูสวยงามน่าชม มีต้นสน ต้นเมอเทิล และต้น ทับทิม และต้นมะเดื่อเทศที่มีผลดกโน้มกิ่งลงเหนือพื้นดิน ทำให้ บริเวณนั้นดูสวยงามอย่างยิ่ง ขณะที่เรากำลังจะเดินเข้าในวิหาร ที่บริสุทธิ์พระเยซูได้เปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะตรัสว่า “บรรดา สาธุชน ๑๔๔,๐๐๐ คนเท่านั้นที่เข้าในสถานที่นี้ได้” และเราร้องว่า “ฮาละลูยา” CCh1 78.2

วิหารนี้มีเสาเจ็ดต้นทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ประดับด้วยไข่ มุกด์ล้ำค่า ข้าพเจ้าไม่สามารถจะพรรณนาถึงความสวยงามของสิ่ง ต่างๆที่ข้าพเจ้าได้เห็นในสถานที่นั้นได้ ข้าพเจ้าเห็นโต๊ะหินมีชื่อ บรรดาสาธุชน ๑๔๔,๐๐๐ คนจารึกไว้ด้วยอักษรทองคำ ภายหลัง ที่เราได้เห็นสง่าราศีของวิหารนั้นแล้วเราได้เดินออกมา แล้ว พระเยซูได้ละพวกเราไว้แล้วเข้าไปในเมือง ในไม่ช้าเราได้ยิน พระสุรเสียงอันไพเราะของพระองค์ตรัสอีกว่า “เชิญพลไพร่ของ เรามาคืนคนเหล่านั้นที่มาจากความทุกข์เวทนามากยิ่ง และได้ปฏิบัติ ตามนั้นพระทัยของเรา และทนทุกข์ทรมานเพื่อเรา เชิญมารับ ประทานอาหาร เพราเราจะคาดเอวไว้และปรนนิบัติรับใช้เจ้า” เราเปล่งเสียงร้องว่า “ฮาละลูยา” แล้วพากันเข้าไปในเมือง แล้ว ข้าพเจ้าเห็นโต๊ะตัวหนึ่งทำด้วยเงินบริสุทธิ์ โต๊ะนั้นยาวหลายไมล์ แต่เราสามารถจะมองเห็นได้สุดโต๊ะนั้น ข้าพเจ้าเห็นผลของต้นไม้ แห่งชีวิต มีมานา ผลอัลมันด์ มะเดื่อเทศ ทับทิม องุ่นและ ผลไม้อื่นๆอีกหลายชนิด ข้าพเจ้าทูลขอพระเยซูทรงอนุญาตให้ ข้าพเจ้ารับประทานผลไม้นั้น พระองค์ตรัสว่า “เวลานี้เจ้ายังกิน ไม่ได้” คนทั้งหลายที่กินผลไม้ในแผ่นดินนี้แล้วนี้แล้วจะไม่กลับไปที่ แผ่นดินโลกอีก แต่อีกไม่นานนักถ้าเจ้าสัตย์ซื่อ เจ้าจะได้กินทั้ง ผลไม้แห่งชีวิตและได้ดื่มน้ำจากธารน้ำแห่งชีวิต” แล้วพระองค์ ตรัสว่า “เจ้าต้องกลับไปยังแผ่นดินโลกอีก และเล่านิมิตที่เรา สำแดงแก่เจ้าให้ผู้อื่นฟัง” แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้นำข้าพเจ้า กลับมาสู่แผ่นดินโลกที่มืดมนนี้อีก บางครั้งข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้า ไม่สามารถจะอยู่ในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ทำให้ข้าพเจ้า รู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้ารู้สึกเหงาอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในโลกนี้ เพราะ ข้าพเจ้าได้เห็นแผ่นดินที่สวยงามกว่าโลกนี้ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะ ได้มีปีกเหมือนนกพิราบ แล้วข้าพเจ้าจะได้บินไปยังแผ่นดินนั้น และได้พักผ่อนอย่างสงบ CCh1 79.1